“จ่า” อธิบาย ทำไมโดนงูกัดแต่ไม่จำเป็นต้องฉีดเซรุ่มแก้พิษในทันที

เพจ “Drama-addict” โพสต์ข้อความอธิบาย ทำไมเมื่อโดนงูกัดแล้วแพทย์ไม่ฉีดเซรุ่มต้านพิษในทันที เผย การให้เซรุ่มมีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้รุนแรง ฉะนั้นจึงต้องให้เมื่อจำเป็น

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. เพจ “Drama-addict” ได้ออกมาโพสต์ข้อความอธิบายวิธีการให้เซรุ่มต้านพิษเมื่อถูกงูกัดในมนุษย์ ซึ่งทางเพจ Drama-addict ระบุว่าการให้เซรุ่มต้านพิษเมื่อถูกงูกัด แพทย์จะไม่ให้พร่ำเพื่อ เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงอย่างรุนแรง ฉะนั้นแพทย์จะให้เซรุ่มเมื่อเห็นว่าจำเป็นเท่านั้น

“อยากบอกว่า เวลาถูกงูกัดเนี่ย โอกาสที่พิษจะเข้าสู่ร่างกายมีประมาณ 30% ดังนั้น เวลาถูกงูกัดเราก็จะตรวจก่อนว่ามีพิษเข้าสู่ร่างกายไหม ที่พบบ่อยในบ้านเราจะเป็นพิษต่อระบบประสาท ที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง กับพิษที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ปกติ รพ.จะมีเซรุ่มพวกนี้สต๊อกอยู่แล้ว

แต่เซรุ่มก็ให้พร่ำเพรื่อไม่ได้ เพราะมันผลิตจากพลาสมาของม้า โดยการเอาพิษงูที่ผ่านการตรวจสอบแล้วมาฉีดใส่ม้า เพื่อให้ม้าสร้างภูมิคุ้มกันมาสู้กับพิษงู แล้วเราก็จะแยกเอาพลาสมาของม้ามาทำเซรุ่ม

ซึ่งการใช้เซรุ่มกับคนก็มีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้รุนแรงได้ จนถึงขั้นช็อก ความดันร่วง หรือหลอดลมตีบหายใจไม่ได้เลยก็มี ดังนั้นเราจะให้เมื่อจำเป็น ไม่ได้ให้กันพร่ำเพรื่อ แบบอ้าว โดนงูกัดมา ฉีดเซรุ่มปึ๊ดๆ เลยทุกราย มันไม่ใช่แบบนั้นนะจ๊ะ”