แพทย์ รพ.ตำรวจ เตือนหลังพบคนไข้ต้องทรมานจากโรคมดลูกหย่อน เนื่องจากต้องยกของหนัก อุ้มสามีป่วยติดเตียง ไอเรื้อรัง และเลี้ยงหลานหลายคนติดต่อเป็นเวลานาน ทำให้แรงดันในช่องท้องเยอะ ดันมดลูกที่หย่อนๆ ให้ไหลออกมาทางช่องคลอด หมอชี้อันตรายเป็นเรื่องง่ายที่ทำให้ตายได้
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. เพจเฟซบุ๊ก “อรัณ ไตรตานนท์ โต๊ะทำงาน” หรือ พ.ต.ต.อรัณ ไตรตานนท์ นายแพทย์ สบ 2 กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลตำรวจ ได้เปิดเผยการรักษาคนไข้หญิงรายหนึ่ง มารับการรักษาด้วยโรค “มดลูกหย่อน” ซึ่งหมอเผยว่าคนไข้เป็นหญิงอายุ 68 ปีแล้ว และอดทนต่ออาการเจ็บป่วยของโรค เนื่องจากกลัวเป็นภาระลูกหลาน
โดยเผยว่า หญิงรายนี้ยกของหนักบ่อย เนื่องจากทำร้านอาหาร เช่น ต้องยกหม้อแกงติดต่อกันเป็นเวลายาวนาน ต่อมาได้ดูแลสามีที่ป่วยติดเตียง ก่อนสามีเสียชีวิต ทำให้ต้องอุ้มสามี พลิกตัว ตะแคงตัว ป้องกันแผลกดทับ และทำไปด้วยความรัก ทำมาสิบปี และได้ป่วยไอเรื้อรังจากโรควัณโรค แต่ก็รักษาจนหาย อยู่มาวันหนึ่งเป็นลมหมดสติ ถูกส่งเข้าไอซียู ขณะที่พยาบาลเช็ดตัวให้ ต้องตกใจ เพราะคนไข้มีก้อนโผล่ออกทางช่องคลอด โดยคนไข้เผยว่าเป็นมาหลายปีแล้ว ฉี่ลำบาก เวลาจะฉี่ต้องใช้นิ้วดันเข้าไปก่อน ก็ฉี่ได้ แล้วมันก็โผล่มาอีก เป็นมาตั้งแต่ดูแลสามี แต่ไม่กล้าบอกลูกๆ กลัวลูกจะเป็นห่วง แต่ละคนมีหลานกันหมดแล้ว กลัวว่าตัวเองจะเป็นภาระลูกหลาน ได้ฟังเรื่องราวจึงระบุสาเหตุได้ว่า เนื่องจากคลอดลูกหลายคนทางช่องคลอด ไอเรื้อรัง ยกของหนัก อุ้มสามีเป็นปีๆ อุ้มหลานทุกวัน แรงดันในช่องท้องจึงเยอะดันมดลูกที่หย่อนๆ ให้ไหลออกมาทางช่องคลอด ซึ่งหากคนไข้รายนี้บอกลูกว่ามีก้อนโผล่ทางช่องคลอด ลูกๆ ก็คงพามาหาหมอตั้งนานแล้ว หลังจากทุกคนรู้ว่าก็อยากให้รีบรักษาเลย สงสารแม่กัน
ทั้งนี้ คนไข้ได้ปฏิเสธ กลัวไม่ฟื้นหลังผ่าตัด หมอจึงต้องอธิบายยาวโดยอธิบายว่า โรคประจำตัวเยอะ แต่โรงพยาบาลมีหมอเยอะ ไม่ต้องห่วง เสียเลือดอาจจะหัวใจวาย เดี๋ยวใช้กรรไกรไฟฟ้า รับรองเลือดไม่ไหลเยอะ กลัวไม่ตื่นมีบล็อกหลัง รับรองผ่าไปคุยกับหมออรัณไปด้วยได้ และถ้าไม่ผ่าตัดจะมีแผลเสียดสีที่ช่องคลอดอาจจะติดเชื้อในกระแสเลือดอันนี้เสี่ยงตายของจริง ไม่ได้อยู่กับหลานแน่นอน สรุปคนไข้ยอมผ่าตัด ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ภาพนี้คือมดลูกที่หย่อน ยืดยาวออกมาทางช่องคลอด
ถ้าเห็นแต่รูปแอบคิดว่าจู๋ใคร
อย่างไรก็ตาม หมออรัณได้ฝากทิ้งท้ายว่า “ฝากดูแลเอาใจใส่ พระในบ้านด้วย บางทีท่านอาจป่วยอยู่แต่ไม่กล้าบอกลูกนะ”
