เพลียกับเด็กสมัยนี้ เคสแม่พาเด็กชาย 13 ขวบ ไปแจ้งความตำรวจทุ่งใหญ่ นครศรีธรรมราช กล่าวหารุ่นพี่วัย 16 ปีข่มขืนจนเพลีย-มีรอยเต็มตัว ส่อคดีพลิก พบฝ่ายหญิงงัดข้อความแชต ฝ่ายชายจีบก่อน ระบุ วันเกิดเหตุเด็กชายพยายามขอให้ฝ่ายหญิงค้างที่บ้าน แต่แม่ไม่ยอม แล้วทะเลาะกัน ก่อนกระโดดหนีขึ้นมอเตอร์ไซค์ฝ่ายหญิง บอกให้เร่งเครื่องเพราะกลัวพ่อตี สุดท้ายไปนอนบ้านญาติ แจงที่มีรอยดูดตามตัว เด็กชายใช้ให้ฝ่ายหญิงทำเอง สมยอมทั้งคู่
จากกรณีที่ผู้ปกครองนำเด็กชายวัย 13 ปี ซึ่งเป็นลูกชาย เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.จรัญ มาศเมฆ รอง สว.สอบสวน สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า ลูกชายถูกสาวอายุ 16 ปี ซึ่งเป็นรุ่นพี่กระทำชำเราโดยไม่ยินยอม เมื่อวันที่ 11 พ.ค. โดยพบว่าฝ่ายชายอยู่ในสภาพอิดโรย ลำคอและหน้าอกมีรอยจ้ำแดงคล้ายถูกดูด
ผู้ปกครองอ้างว่า ฝ่ายหญิงมาขอนอนกับเด็กชายที่บ้าน แต่ตนได้ตักเตือนไปว่าเป็นผู้หญิงมานอนบ้านผู้ชายไม่ดี ไม่เหมาะสม และไม่ให้นอน หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงชักชวนเด็กชายขึ้นซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ อ้างว่าเดี๋ยวจะกลับมาส่ง ก่อนขี่รถออกไปอย่างรวดเร็ว ญาติพยายามขี่รถจักรยานยนต์ตามมาแต่ไม่พบ กระทั่งใกล้เวลาเคอร์ฟิว จึงกลับมาที่บ้านก่อน
ต่อมามีเพื่อนบ้านของฝ่ายหญิงแจ้งว่า รถจักรยานยนต์ที่ฝ่ายหญิงขี่ไปเป็นรถของเพื่อนบ้าน และได้ไปแจ้งความรถหายที่ สภ.ทุ่งใหญ่ กระทั่งวันต่อมาเพื่อนแจ้งว่า เด็กชายนั่งรออยู่ที่โรงเรียน จึงเดินทางไปรับ พบสภาพอิดโรย มีรอยช้ำเป็นจ้ำแดงหลายจุด ซึ่งเด็กชายอ้างว่า ฝ่ายหญิงพาไปนอนที่บ้านเพื่อน และได้กระทำชำเราโดยไม่ยินยอม สุดท้ายต้องสำเร็จความใคร่
นางน้อย อ้างว่า ลูกชายรู้จักกับฝ่ายหญิงประมาณ 1 เดือน อ้างว่าฝ่ายหญิงเป็นคนมาจีบก่อน แต่ไม่คิดว่าจะกล้ามาหลอกไปทำมิดีมิร้ายเช่นนี้ และยืนยันว่า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อีกด้านหนึ่ง เพื่อนบ้านระบุว่า ฝ่ายหญิงอาศัยอยู่กับยายตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่แยกทาง นิสัยเกเรก็มีบ้างตามประสาวัยรุ่นทั่วไป เคยว่ากล่าวตักเตือนอยู่เป็นประจำ
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 12 พ.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่ระบุตัวตนว่า เป็นฝ่ายหญิงนำบทสนทนาผ่านเฟซบุ๊กแมสเซนเจอร์ ระหว่างเด็กชายกับฝ่ายหญิง พร้อมระบุว่า “โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เรื่องนี้เกิดขึ้นวันที่ 10 พ.ค. เวลาประมาณ 17.00-18.00 น. ก่อนจะเกิดเรื่องได้ไปนั่งเล่นที่บ้านเพื่อนกับ ... (เด็กชาย) คู่กรณี
ซึ่งตอนกลับบ้านได้ไปส่ง ... (เด็กชาย) กับเพื่อนอีกสองคน แต่ ... (เด็กชาย) เดินไปขอแม่ให้เรานอนบ้าน แต่แม่ ... (เด็กชาย) ไม่อนุญาต เราก็เลยบอกไปว่า เราจะกลับบ้าน แล้ว ... (เด็กชาย) ก็ทะเลากับแม่ ซึ่งตอนนั้นเรากำลังจะขับรถกลับบ้านพอดี ... (เด็กชาย) ได้กระโดดขึ้นรถแล้วบอกให้รีบขับ เพราะพ่อเขาจะตี ด้วยความตกใจเราจึงบิดรถออกมาโดยไม่คิดอะไร
หลังจากนั้น เราไม่รู้จะไปที่ไหนก็เลยไปพักบ้านญาติ ส่วนคอน้องบีมที่แดง นางเป็นคนใช้ให้เราทำเอง ไม่ได้บังคับอะไรทั้งนั้นการกระทำต่างๆ ล้วนแล้วสมยอมทั้งคู่ ส่วนเรื่องรถนั้นเราเอามาก็จริงค่ะ แต่ได้นำรถไปคืนช่วงประมาณตี 3 กว่าๆ ที่หน้าบ้านเพื่อน เพราะเข้าใจว่าเจ้าของรถอยู่ที่นั่น ไม่ได้ตั้งใจจะขโมยรถเลย
และที่สำคัญ ... (เด็กชาย) ขออยู่กับเราต่ออีก 3 สัปดาห์ แต่เราบอก ... (เด็กชาย) ไปว่า พักค้างคืนได้ แต่อยู่นานไม่ได้ มันอาจจะเกิดปัญหาตามมา เลยบอกน้องไปว่า รุ่งเช้าน้องต้องกลับบ้าน เราจะไปส่ง ไม่ได้บังคับอะไร ส่วนเรากับ ... (เด็กชาย) รู้จักไม่ถึงเดือนและไม่ได้เป็นคนทักไปจีบ ... (เด็กชาย) ก่อนเหมือนในข่าวว่าไว้ ... (เด็กชาย) นางจะชวนไปเที่ยวและมาหาตลอด
เรื่องที่พูดคือความจริงค่ะ จะเชื่อไม่เชื่อแล้วแต่วิจารณ์ในการอ่านและทำความเข้าใจ ถึงจะเสียงน้อยกว่าเเต่จะไม่ขออยู่ให้เขาดูถูก ขอบคุณค่ะ ฝากแชร์ต่อด้วยนะคะ”
พร้อมกันนี้ ฝ่ายหญิงยังได้แคปหน้าจอบทสนทนา ซึ่งมีเพื่อนร่วมกัน 13 คน พบว่า เด็กชายคนนี้ได้เข้าไปทักก่อน จากนั้นได้พูดคุยเป็นภาษาใต้ ฝ่ายหญิงถามว่าเป็นใคร เด็กชายคนนี้ก็บอกชื่อไป ซึ่งเป็นเพื่อนกับแฟนเพื่อนฝ่ายหญิง เด็กชายถามว่า คนนี้ใช่ไหมที่ไปเล่นน้ำ ฝ่ายหญิงตอบว่าใช่ เด็กชายคนนี้ถามว่า “กินข้าวหรือยัง” พร้อมกดไลก์ 1 ครั้ง และถามว่าชื่ออะไร จีบได้ไหม ฝ่ายหญิงจึงบอกชื่อไป
เด็กชายคนนี้พยายามรบเร้าว่า “จะคบอ่ะ คบนะ” ฝ่ายหญิงได้แต่ส่งสติกเกอร์กุมขมับ แล้วตอบว่า “ไม่รู้อ่ะ ยังไม่อยากรักใครในตอนนี้” เด็กชายคนนี้จึงกล่าวว่า “ไหนบอกว่าจะคบล่ะ” ฝ่ายหญิงตอบว่า เมื่อคืนเราบอกไปแล้ว เด็กชายคนนี้จึงพูดประชดว่า “เนี่ยแบบนี้แหละ บอกจะคบแต่ไม่คบ” ฝ่ายหญิงตอบกลับไปว่า “เราบอกไปแล้วเมื่อคืน เลื่อนไปอ่าน”
อีกข้อความหนึ่ง พบเด็กชายคนนี้เข้ามาทักเมื่อเวลา 13.47 น. ระบุว่า “เล่นน้ำแปป” ก่อนที่เวลา 14.08 น. จะกล่าวว่า “ตามไปเลเปรนนะ” กระทั่งเวลา 14.27 น. ได้กล่าวทักทายฝ่ายหญิง กดไลก์ 2 ครั้ง แล้วถามว่า “อยู่ไหน เฮ้” ก่อนที่เวลา 15.20 น. จะกดไลก์ไป 1 ครั้ง ซึ่งโลกโซเชียลต่างฮือฮาเมื่อพบเห็นข้อความและวิจารณ์อย่างกว้างขวาง