“สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์” คาดเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกติดลบหนัก ครึ่งปีหลังเริ่มฟื้น โดยทั้งปีน่าจะติดลบ 5-7% ชี้ประเทศกำลังอยู่ในช่วงรอยต่อ ถ้าคุมโควิดได้ดี ปีหน้าเศรษฐกิจก็จะกลับมาบวก แต่หวั่นไวรัสกลายพันธุ์ จะยิ่งซ้ำเติมให้สาหัส หนุนสร้างดุลยภาพระหว่างการคุมโรค ต้องไม่ทำกิจการเจ๊งด้วย
วันที่ 7 พ.ค. 63 รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ ในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “เปิดสูตรฟื้นเศรษฐกิจ หลังคลายล็อกโควิด”
โดย รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่า ตอนนี้เศรษฐกิจโลกตกต่ำมากที่สุดในรอบหลายปี มากกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เศรษฐกิจโลกติดลบรุนแรง ภาพรวม ไอเอ็มเอฟวิเคราะห์ว่าติดลบ 3-4% แต่ตนว่าความจริงมากกว่านั้น ครึ่งปีแรกบางประเทศติดลบ 20-30% ด้วยซ้ำ
แต่อย่างไรก็ตาม ที่พอเห็นชัดว่าประเทศต่างๆ เหล่านี้ ติดลบเยอะๆ จะเปลี่ยนแปลงดีขึ้นในครึ่งปีหลัง หวังว่า ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจโลกในภาพรวม น่าจะเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ แล้วแต่บางประเทศจะมากหรือน้อย
รศ.ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า บางประเทศคาดว่า ครี่งปีแรกติดลบเยอะ ครึ่งปีหลังเป็นบวก ก็คือจีน ส่วนในกลุ่มอาเซียน คาดว่าเวียดนามก็จะขยายตัวเป็นบวก คล้ายๆ กันกับไทย ไอเอ็มเอฟ หรือแบงก์ชาติ คาดการณ์ตัวเลขต่างกันนิดหน่อย ติดลบ 4-6% อย่างไรก็ตาม ตนคาดว่า ไตรมาส 1-2 จะติดลบมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะพอล็อกดาวน์ทุกอย่างนิ่งไปเลย แต่คิดว่าน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งปีของเราน่าจะติดลบ 5-7% ขึ้นไป ขึ้นกับว่าจะมีการฟื้นตัวได้เร็วขนาดไหน แต่มีการติดลบค่อนข้างจะแน่นอน
ขึ้นกับการบริหารช่วงรอยต่อ โรคจะกลับมาใหม่ไหม หลังปลดล็อกดาวน์ อันนี้ไม่มีใครตอบได้ การบริหารช่วงที่กำลังจะเกิดขึ้น มีดุลยภาพระหว่างการคุมให้อยู่ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ถ้ามีการระบาดซ้ำ จะทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจช้าลง ประการที่สอง มาตรการที่ใช้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลตรงเป้าหรือเปล่า อันนี้เป็นตัวแปรที่จะอธิบายว่าแต่ละประเทศ การฟื้นตัวในครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า ตอนนี้เศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุดแล้วหรือยัง รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่า จุดต่ำสุดอยู่ตรงไหนไม่มีใครตอบได้ Morgan Stanley Goldman Sachs บอกจุดต่ำสุดแล้ว โดยสมมติฐานของเขาก็คือประเทศต่างๆ เริ่มมีการคุมโรคได้ในระดับหนึ่ง แล้วก็เริ่มมีการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว แต่การจะอธิบายนี้ นักเศรษฐศาสตร์จะตอบไม่ตรงเพราะไม่ใช่หมอ ฉะนั้น ขึ้นอยู่กับว่าตัวไวรัสมีการกลายพันธุ์ไหม แล้วจะรุนแรงไหม
คิดว่าปีหน้า เรื่องของยา วัคซีน น่าจะพอคุมได้ เศรษฐกิจก็น่าจะฟื้น ทั่วโลกน่าจะมีลักษณะติดลบปีนี้ ปีหน้าเป็นบวก อันนี้คือในสมมุติฐานว่า สถานการณ์คุมได้ระดับหนึ่งถึงปีหน้า แต่เป็นสมมติฐานเท่านั้นเอง ขึ้นกับว่าการคุมมีความเข้มขนาดไหน บางประเทศก็คุมไม่ได้ อาจเงินไม่พอ อะไรต่างๆ ไม่พอ หรือบางประเทศโรครุนแรง แล้วไม่รู้จะมีกลายพันธุ์หรือเปล่า จึงไม่มีใครตอบได้
แต่ก็ฟังหูไว้หู นักเศรษฐศาสตร์ก็ไม่ได้เห็นตรงกัน นักวิเคราะห์หุ้นก็เห็นไม่ตรงกัน บางคนมองว่าหนักกว่านี้ยังรออยู่ ยังไม่จบ
รศ.ดร.สมชาย กล่าวต่ออีกว่า กระบวนการเผชิญหน้ากับโควิด ในเชิงเศรษฐกิจการเมือง ก็มีหลายตำรา บางตำราแบ่งเป็นสามยุค ยุคหนึ่ง เน้นการต่อสู้กับโควิด ยุคที่สอง เป็นรอยต่อ เป็นการผสมผสานระหว่างโควิดกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ยุคที่สาม หลังโควิด หมายถึงเมื่อผ่านพ้นไป
ตอนนี้หลายประเทศเข้าสู่ยุคที่สองแล้ว อย่างไทยก็เริ่มเปิดกิจการต่างๆ แล้ว ขณะนี้เราอยู่ในช่วงการบริหารจัดการที่ยากมาก เป็นช่วงรอยต่อ ถ้าเปิดแล้ว ต้องไม่เป็นในลักษณะเชิญชวนโรคกลับมารอบสอง แต่ก็ไม่ใช่เอาโรคอย่างเดียวจนเศรษฐกิจเจ๊งหมด ถ้าเจ๊งจะกลับมาลำบากมาก