ผู้ปวยโควิด-19 วันนี้มี 1 รายมาจากนราธิวาส ส่วนอีก 40 รายจากยะลาขอให้รอ ศบค.เผยผลสำรวจพบประชาชนร่วมมือใส่หน้ากาก แต่รักษาระยะห่างกับไม่เอาลูบหน้า จมูกยังน้อย แนะที่ผ่านมาไม่เป็นไร วันนี้ขอให้มีสติและทำต่อเนื่อง พร้อมเป็นหูเป็นตาแก่ร้านค้าด้วยไมตรีจิต ยันพรุ่งนี้ประชาชนไม่ต้องมาเวียนเทียนที่วัด แต่ติดตามการไลฟ์สดจากวัดแทน
วันนี้ (5 พ.ค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ระบุว่า ผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้ 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 45 ปี มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน มีภูมิลำเนาเป็นชาวนราธิวาส เคยไปประกอบศาสนพิธีในต่างประเทศ กำลังหาสาเหตุ ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,988 ราย ใน 68 จังหวัด หายป่วยแล้ว 7 ราย หายป่วยสะสม 2,747 ราย รักษาอยู่ 187 ราย เสียชีวิต 0 ราย สะสมรวม 54 ราย ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน กรณีที่ 40 รายที่จังหวัดยะลาที่มีการตรวจเพิ่ม ขอให้รอเนื่องจากกำลังเก็บตัวอย่างและทบทวนกระบวนการทั้งหมด กระทรวงสาธารณสุขมีการประชุมกันและมีการแถลงข่าวบ่ายวันนี้
ผู้ป่วย 187 ราย พบรายงานใน 1 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรายงาน และไม่มีรายงาน 34 จังหวัดเท่ากัน โดยมี 9 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยเลย ผู้ป่วยใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สูงสุดมาจากศูนย์กักกัน รองลงมาสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน การค้นหาเชิงรุก การเดินทางจากต่างประเทศ และไปในสถานที่ชุมชน ความสามารถในการค้นหาผู้ป่วย ตั้งแต่ 4 ม.ค. ถึงปัจจุบันขยายมากขึ้น ความสามารถในการตรวจกระจายทั่วประเทศ
ส่วนการสำรวจการปฏิบัติตามมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ตลอดเดือนเมษายน 2563 โดยกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสถิติแห่งชาติ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 9.98 หมื่นราย พบ 99.8% เข้าใจมาตรการอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และ 93.8% เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ และพบว่า 91.2% ใส่หน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า แต่พบว่าการล้างมือ การกินร้อน ช่อนตัวเอง มากกว่า 80% แต่การรักษาระยะห่างและไม่เอามือลูบหน้า จมูก มีน้อยกว่า 80%
สถานที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ควรเปิด คือ ตลาดสด ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า รองลงมาคือ ร้านตัดผม คลีนิคเสริมความงาม นวดแผนโบราณ สปา แต่ที่ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ควรเปิด คือ สนามมวย สนามกีฬา ผับ สถานบริการ อาบอบนวด ศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนประถม มัธยม มหาวิทยาลัย สนามเด็กเล่น สถานที่ออกกำลังกาย สวนสาธารณะ ความกังวลของประชาชนในการยินยอมให้รัฐจัดสถานที่ State Quarantine พบว่ากังวลว่าจะกักกันตัวจะออกมาในชุมชนมากที่สุด แต่ 80% ยินยอมให้รัฐจัดสถานที่ดังกล่าว ยืนยันว่ากรมควบคุมโรคจะเข้ามาตรวจสอบอย่างดีร่วมกับหลายหน่วยงาน
สถานการณ์โลก ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,645,539 ราย รักษาตัว 49,637 ราย รักษาหายแล้ว 1,194,476 ราย เสียชีวิต 252,396 ราย สหรัฐอเมริกายังเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือสเปน อิตาลี อังกฤษ ฝรั่งเศส ส่วนประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 61 ประเทศทางเอเชียพบอินเดียมากที่สุด รองลงมาคือ ปากีสถาน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ส่วนเมียนมาผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 6 ราย เสียชีวิต 6 ราย
การนำคนไทยที่ตกค้างจากต่างประเทศกลับบ้านวันนี้มีฝรั่งเศส 16 คน อินเดีย 220 คน ส่วนพรุ่งนี้มีเมียนมา เยอรมนี ปากีสถาน โดยระหว่าง 6-31 พ.ค. มีแผนนำคนไทยเดินทางกลับอีก 7,000 คน ซึ่งจะมีหลายหน่วยงานดูแล นำโดยกระทรวงการต่างประเทศ เป็นความอดทนของคนไทยในต่างประเทศ ขอให้เห็นใจด้วย โดยพบว่ามียอดคัดกรองสะสม 12,385 ราย กลับบ้านได้แล้ว 3,302 ราย พบเชื้อสะสม 84 ราย
การตรวจหลังมาตรการผ่อนปรน พบปฏิบัติตาม 9,032 แห่ง คิดเป็น 96% ไม่ปฏิบัติตาม 351 แห่ง คิดเป็น 4% แบ่งออกเป็นร้านอาหารไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 214 แห่ง ร้านค้าในห้างสรรพสินค้า 10 แห่ง ร้านค้าในตลาด และร้านค้าปลีก 41 แห่ง และร้านเสริมสวย 61 แห่ง สนามกีฬา 12 แห่ง สวนสาธารณะ 6 แห่ง ร้านสัตว์เลี้ยง 7 แห่ง สนามกอล์ฟให้ความร่วมมือดี
ในช่วงตอบคำถาม เมื่อถามว่า พรุ่งนี้วันวิสาขบูชาจะมีการประกอบพิธีทางศาสนาหรือไม่ ชี้แจงว่า ทำตามหลักการที่มหาเถรสมาคมมีมติออกมา โดยงดจัดกิจกรรมที่ประชาชนรวมกลุ่มกันทุกประเภท ยกเว้นการปฏิบัติกิจของสงฆ์ โดยให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดใน พ.ร.ก.ฉุกเฉินและแนวทางสาธารณสุข โดยหลายวัดปรับตัวโดยจะมีการถ่ายทอดสดพิธีวิสาขบูชา ให้เวียนเทียนที่บ้านพร้อมพระสงฆ์ที่วัด
เมื่อถามว่า ศบค.มีการสั่งปิดสถานประกอบการและร้านที่ไม่ปฏิบัติตามหรือไม่ ชี้แจงว่า ในการประชุมของ ศบค.เน้นย้ำในการเปลี่ยนผ่านและพฤติกรรม โดยมีผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการ และผู้กำกับติดตาม ถ้าผู้ประกอบการทำได้ดี ผู้ที่มารับบริการให้ความร่วมมือดีก็ไม่มีปัญหา เบื้องต้นยังไม่มีการสั่งปิด นอกจากคนที่กระทำผิดกฎหมาย เป็นเรื่องที่ดีที่มีมาตรการป้องกันเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจ ในช่วงนี้ยังไม่มีการลงโทษ แต่การตรวจรอบต่อไปถ้าเปลี่ยนแปลงก็จบ แต่ถ้าแย่ลงอาจจะต้องสั่งปิดหรือทำให้ได้มากกว่าปัจจุบัน แนะนำให้ทำด้วยตัวเองตามคำสั่งพื้นฐานเพื่อให้ปลอดโรคปลอดภัย
เมื่อถามว่า รถไฟฟ้ากลับมาหนาแน่นอีกครั้ง ศบค.จะฝากอย่างไร ชี้แจงว่า เมื่อเช้านี้รถไฟฟ้าหลายสถานีมีคนยืนแออัด อย่างน้อยมีการสวมหน้ากากอนามัย แต่ผู้ดำเนินกิจการต้องปรับพื้นที่ให้ได้ หลายประเทศมีทั้งการปรับพื้นที่หรือเพิ่มขบวนรถมากขึ้น ผู้ประกอบการควรจะช่วยกันคิด เพื่อให้ผู้ใช้บริการมั่นใจ และแนะนำให้ผู้ใช้บริการเหลื่อมเวลา ยืนยันนโยบาย Work From Home ยังคงมีอยู่ แนะนำให้ทำงานที่บ้าน
เมื่อถามว่า การรายงานผลจังหวัดยะลาจะกระทบต่อความเชื่อมั่นหรือไม่ ชี้แจงว่า เมื่อเช้านี้กระทรวงสาธารณสุขพูดคุยในหลายประเด็น ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติต้องเพิ่มห้องปฏิบัติการ ก็จะต้องเพิ่มคุณภาพในช่วงนี้ไปด้วยกัน การทำงานต่างๆ จะมีการเรียนรู้ให้เท่าทันกัน แล็บที่เปิดใหม่กับแล็บที่เปิดมานาน และผู้ปฏิบัติงานก็มีข้อจำกันทั้งสิ้น จึงคิดกันในหลายระบบ และการเพิ่มระบบดับเบิลเช็ก ส่งตรวจสองแล็บ และจะมีแล็บอ้างอิงเพื่อความมั่นใจให้ประชาชน ข้อห่วงใยต่างๆ จะนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น
ในตอนท้าย นพ.ทวีศิลป์แนะว่าช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ตัวเลขที่น้อยลงเกิดจากความร่วมมือใน 14 วันที่ผ่านมา แต่หลายวันมานี้มีความกังวลใจว่าจะเป็นอย่างไร ที่แล้วมาไม่เป็นไร แต่วันนี้ต้องมีสติตลอดเวลา อย่างน้อยที่สุดใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง และทำหน้าที่แนะนำร้านค้า กิจการนั้นด้วยไมตรีวิตว่าจะปรับปรุงอย่างไร ช่วยกันเป็นหูเป็นตาและให้เขาพัฒนาด้วยตัวเอง สังคมไทยก็จะรอด จะได้ไม่มีตัวเลขผู้ป่วย และในเวลา 1-2 เดือนจะปลอดโรค ปลอดภัย