โฆษก ศบค.เผยกรณีการตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ว่าตรวจน้อยหรือไม่ ยืนยันตัวเลข 2 หมื่นกว่ารายเป็นตัวเลขเก่า ชี้ตรวจไปแล้วหนึ่งแสนกว่าตัวอย่าง ตรวจรายวัน 3 พันขึ้น เตรียมปรับรูปแบบการตรวจเป็นเก็บตัวอย่างน้ำลายเพื่อเพิ่มความสะดวก และประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วน
วันนี้ (20 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) กล่าวว่า กรณีตัวเลขลดลงเพราะตรวจน้อยหรือไม่ คือประเด็นของการตรวจน้อย ถูกตั้งคำถามมาสักประมาณเดือนที่แล้ว มีตัวเลขยืนยันออกมาว่าตรวจแค่ 2 หมื่นกว่าราย นั่นคือตัวเลขเก่า มาดูตัวเลขตอนนี้เราตรวจได้ 142,589 ตัวอย่าง ตอนนี้ภาคเอกชนนำโด่ง รองลงมาก็คือทางกรมการแพทย์ มหาวิทยาลัย ที่เข้ามาร่วมตรวจ ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน โดยใน 7 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 11-17 เม.ย. 2563 ตรวจไป 21,715 ตัวอย่าง ส่วนการตรวจรายวันตั้งแต่วันที่ 4-17 เม.ย. 2563 โดยเฉลี่ยตรวจวันละ 3,000 ขึ้น มีบางวันเหลือ 1,900 ตัวอย่าง แต่อาจจะเกี่ยวโยงกับช่วงวันหยุด ซึ่งโดยส่วนใหญ่ตรวจวันละ 3,000 ขึ้น แล้วแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ผลการตรวจเยอะ ตรวจน้อย โดยตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. เฉลี่ย 2.61% และมากสุด 3.82% ในวันที่ 12 เม.ย. ถึงจะตรวจน้อย แต่ก็ยังเจอเยอะ โดยผลล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ตรวจเยอะไปถึง 3,397 ตัวอย่าง เจอ 1.41% หมายถึงตรวจ 100 คน เจอคนครึ่งโดยประมาณ อันนี้เป็นการยืนยันว่าไม่อยากให้ใครติดไป ดังนั้น หากไปหว่านตรวจยังไม่คุ้มค่า และเราต้องเจาะไปที่กลุ่มเสี่ยงที่มีความสำคัญจริงๆ” โฆษก ศบค.กล่าว
ทั้งนี้ ล่าสุดเมื่อเช้าในที่ประชุม EOC ทางกระทรวงสาธารณสุขมีวิธีการตรวจรูปแบบเก็บตัวอย่างใหม่ โดยการใช้น้ำลายมาตรวจซึ่งก็มีแนวโน้มได้ผลดี สะดวกมากขึ้น เนื่องจากเก็บตัวอย่างได้เร็วขึ้น ซึ่งในการตรวจด้วยการเก็บตัวอย่างในน้ำลายจะทำได้สะดวกขึ้น ประหยัดชุดต่างๆ และทำได้เร็วขึ้น ดังนั้นน่าจะเป็นแนวทางที่ดี แต่ขอศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความแม่นยำ แนวทางการดำเนินการ