พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานอันมุ่งมั่นที่จะ สืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้อาณาราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนบนผืนแผ่นดินไทย
ในยามที่ราษฎรชาวไทยประสบทุกข์ยากแสนเข็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็มิเคยทรงทอดทิ้งพสกนิกรของพระองค์ ดังพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” น้ำะพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นนี้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวไทยทุกหมู่เหล่าผ่านพระราชกรณียกิจนานัปการ
ท่ามกลางความวิกฤตของประชาชนชาวไทย และทั่วโลกที่กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อย่างหนักไวรัสร้ายชนิดนี้มิเพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพทำให้มีภาวะเจ็บป่วยเท่านั้น หากไวรัสร้ายชนิดนี้ยังเป็นมัจจุราชคร่าชีวิตผู้คนส่งผลให้เกิดความสูญเสียและความเศร้าสะเทือนใจทั่วทั้งแผ่นดิน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามข่าวการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และทรงทราบว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น โรงพยาบาลในประเทศไทยจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ จึงได้ทรงจัดหาพระราชทานให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมรับมือกับโรคโควิด-19 อันจะเป็นประโยชน์แก่การให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนต่อไป และทรงรับเป็นพระราชภารกิจสำคัญที่จะต้องดูแลประชาชนให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี ทรงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน อันเป็นหน้าที่ที่ประชาชนชาวไทยทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน
ดังพระบรมราโชบายที่พระราชทานเป็นแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามความบางตอนว่า
“...เราจะต้องต่อสู้ให้โรคนี้สงบลงไปได้ในที่สุด เพราะว่าโรคมาได้ โรคก็ไปได้ โรคจะไม่ไปถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา เราไม่แก้ไขให้ถูกจุด หรือเราไม่มีความขันติอดทนที่จะแก้ไข บางทีก็ต้องเสียสละในความสุขส่วนตัวบ้าง หรือเสียสละในการกล้าที่จะสร้างนิสัยหรือสร้างวินัยในตัวเอง ที่จะแก้ไขเพื่อตัวเอง เพื่อส่วนรวม...”
โดยในเบื้องได้พระราชทานเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 132 เครื่อง และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว จำนวน 50 เครื่องให้แก่โรงพยาบาลสังกัด 4 เหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ซึ่งบางส่วนได้ดำเนินการติดตั้งในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังพระราชทานหน้ากากอนามัย จำนวน 2 ล้านชิ้น หมวก Face Shield จำนวน 30,000 ใบ และชุดป้องกันการติดเชื้อโรค (PPE) จำนวน 4,000 ชุด แก่บุคลากรทางการแพทย์ และโรงพยาบาลต่าง ๆทั่วประเทศ
ด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ที่ทรงเล็งเห็นว่ามีราษฎรในพระองค์อีกจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ประชาชนจิตอาสา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐและเอกชน ร่วมช่วยบรรจุสิ่งของพระราชทานและนำไปมอบแก่ประชาชน ที่อาศัยอยู่ตามชุมชนแออัดในกรุงเทพมหานครจำนวน 642 ชุมชน ซึ่งมีมากกว่า 130,000 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2563 เป็นต้นมา และจะทยอยเชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบให้แก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) จนครบภายในสิ้นเดือนเมษายน
นางลัดดาวัลย์ มะลิหวล ราษฎรชาวชุมชนซอยหลังพระเงิน เขตยานนาวา เล่าให้ฟังด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ว่า เมื่อคืนวันที่ 10 ประมาณสามทุ่มกว่า มีจิตอาสาพระราชทานเป็นผู้เชิญถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้กับครอบครัวของเธอ โดยเจ้าหน้าที่จิตอาสาวกล่าวแต่เพียงสั้นๆว่า เชิญถุงยังชีพพระราชทารของในหลวง และสมเด็จพระราชินี มาให้ เพียงได้ยินประโยคนี้ก็ทำให้หัวใจของเราชุ่มชื่น เพราะไม่คิดว่าชุมชนของเราจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ด้วย
“ได้เห็นแต่ข่าวที่ลงในสื่อออนไลน์ว่าในหลวง พระราชทานถุงยังชีพให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชุมชนแออัดในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่คืนก่อนเจ้าหน้าที่จิตอาสาเชิญถุงยังชีพพระราชทานไปเคาะประตูที่หน้าบ้าน เรารู้สึกดีใจมากที่ในหลวงทรงห่วงใยและไม่เคยลืมทุกข์สุขของพวกเราชาวไทยแม้จะอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดก็ตาม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อครอบครัวมะลิหวลอย่างหาที่สุดมิได้”
พระมหากรุณาธิคุณอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่านั้นล้วนเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่สายตาและหัวใจของปวงชนชาวไทยแล้วเท่านั้น หากแต่พระมหากรุณาธิคุณอันเปี่ยมล้นยังแผ่ไพศาลไปยังผู้ต้องขังที่อยู่หลังกำแพงทั่วทั้งประเทศไทยที่มีความกังวลในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โดยเมื่อวันที่ 7 เม.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเงิน จำนวน 300,000 บาท หน้ากาก Face - shield จำนวน 5,000 ชิ้นและหน้ากากอนามัยชนิดผ้า จำนวน 5,000 ชิ้น โดยมี พลอากาศเอกสุบิน ซิวปรีชา กรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุขทำความ ดี เพื่อชาติศาสน์ กษัตริย์ ในฐานะผู้แทนโครงการราชทัณฑ์ ปันสุขทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นผู้เชิญเงินและสิ่งของพระราชทานให้แก่กรมราชทัณฑ์ เพื่อให้กรมราชทัณฑ์นำไปใช้เสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหา การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด-19 ในเรือนจำต่าง ๆ ทั่วประเทศ
การได้รับพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติแก่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ บุคลากร ของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ รวมทั้งลผู้ต้องขัง
นี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งแห่งน้ำพระราชหฤทัยของพระราชาที่ทรงพระราชปลอบประโลมหัวใจของพสกนิกรในพระองค์ให้คลายความทุกข์แสนเค็น ให้ราษฎรทุกคนใช้ชีวิตอยู่อย่างร่มเย็นใต้ร่มบรมโพธิสมภาร
ในยามที่ราษฎรชาวไทยประสบทุกข์ยากแสนเข็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็มิเคยทรงทอดทิ้งพสกนิกรของพระองค์ ดังพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” น้ำะพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นนี้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวไทยทุกหมู่เหล่าผ่านพระราชกรณียกิจนานัปการ
ท่ามกลางความวิกฤตของประชาชนชาวไทย และทั่วโลกที่กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อย่างหนักไวรัสร้ายชนิดนี้มิเพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพทำให้มีภาวะเจ็บป่วยเท่านั้น หากไวรัสร้ายชนิดนี้ยังเป็นมัจจุราชคร่าชีวิตผู้คนส่งผลให้เกิดความสูญเสียและความเศร้าสะเทือนใจทั่วทั้งแผ่นดิน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามข่าวการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และทรงทราบว่าหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น โรงพยาบาลในประเทศไทยจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ จึงได้ทรงจัดหาพระราชทานให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมรับมือกับโรคโควิด-19 อันจะเป็นประโยชน์แก่การให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนต่อไป และทรงรับเป็นพระราชภารกิจสำคัญที่จะต้องดูแลประชาชนให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี ทรงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน อันเป็นหน้าที่ที่ประชาชนชาวไทยทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน
ดังพระบรมราโชบายที่พระราชทานเป็นแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามความบางตอนว่า
“...เราจะต้องต่อสู้ให้โรคนี้สงบลงไปได้ในที่สุด เพราะว่าโรคมาได้ โรคก็ไปได้ โรคจะไม่ไปถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา เราไม่แก้ไขให้ถูกจุด หรือเราไม่มีความขันติอดทนที่จะแก้ไข บางทีก็ต้องเสียสละในความสุขส่วนตัวบ้าง หรือเสียสละในการกล้าที่จะสร้างนิสัยหรือสร้างวินัยในตัวเอง ที่จะแก้ไขเพื่อตัวเอง เพื่อส่วนรวม...”
โดยในเบื้องได้พระราชทานเครื่องช่วยหายใจ จำนวน 132 เครื่อง และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว จำนวน 50 เครื่องให้แก่โรงพยาบาลสังกัด 4 เหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร และสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ซึ่งบางส่วนได้ดำเนินการติดตั้งในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังพระราชทานหน้ากากอนามัย จำนวน 2 ล้านชิ้น หมวก Face Shield จำนวน 30,000 ใบ และชุดป้องกันการติดเชื้อโรค (PPE) จำนวน 4,000 ชุด แก่บุคลากรทางการแพทย์ และโรงพยาบาลต่าง ๆทั่วประเทศ
ด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ที่ทรงเล็งเห็นว่ามีราษฎรในพระองค์อีกจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ประชาชนจิตอาสา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภาครัฐและเอกชน ร่วมช่วยบรรจุสิ่งของพระราชทานและนำไปมอบแก่ประชาชน ที่อาศัยอยู่ตามชุมชนแออัดในกรุงเทพมหานครจำนวน 642 ชุมชน ซึ่งมีมากกว่า 130,000 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการไปตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2563 เป็นต้นมา และจะทยอยเชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบให้แก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โควิด-19) จนครบภายในสิ้นเดือนเมษายน
นางลัดดาวัลย์ มะลิหวล ราษฎรชาวชุมชนซอยหลังพระเงิน เขตยานนาวา เล่าให้ฟังด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ว่า เมื่อคืนวันที่ 10 ประมาณสามทุ่มกว่า มีจิตอาสาพระราชทานเป็นผู้เชิญถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้กับครอบครัวของเธอ โดยเจ้าหน้าที่จิตอาสาวกล่าวแต่เพียงสั้นๆว่า เชิญถุงยังชีพพระราชทารของในหลวง และสมเด็จพระราชินี มาให้ เพียงได้ยินประโยคนี้ก็ทำให้หัวใจของเราชุ่มชื่น เพราะไม่คิดว่าชุมชนของเราจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณในครั้งนี้ด้วย
“ได้เห็นแต่ข่าวที่ลงในสื่อออนไลน์ว่าในหลวง พระราชทานถุงยังชีพให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ตามชุมชนแออัดในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่คืนก่อนเจ้าหน้าที่จิตอาสาเชิญถุงยังชีพพระราชทานไปเคาะประตูที่หน้าบ้าน เรารู้สึกดีใจมากที่ในหลวงทรงห่วงใยและไม่เคยลืมทุกข์สุขของพวกเราชาวไทยแม้จะอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดก็ตาม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อครอบครัวมะลิหวลอย่างหาที่สุดมิได้”
พระมหากรุณาธิคุณอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่านั้นล้วนเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่สายตาและหัวใจของปวงชนชาวไทยแล้วเท่านั้น หากแต่พระมหากรุณาธิคุณอันเปี่ยมล้นยังแผ่ไพศาลไปยังผู้ต้องขังที่อยู่หลังกำแพงทั่วทั้งประเทศไทยที่มีความกังวลในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โดยเมื่อวันที่ 7 เม.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเงิน จำนวน 300,000 บาท หน้ากาก Face - shield จำนวน 5,000 ชิ้นและหน้ากากอนามัยชนิดผ้า จำนวน 5,000 ชิ้น โดยมี พลอากาศเอกสุบิน ซิวปรีชา กรรมการโครงการราชทัณฑ์ปันสุขทำความ ดี เพื่อชาติศาสน์ กษัตริย์ ในฐานะผู้แทนโครงการราชทัณฑ์ ปันสุขทำความ ดี เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นผู้เชิญเงินและสิ่งของพระราชทานให้แก่กรมราชทัณฑ์ เพื่อให้กรมราชทัณฑ์นำไปใช้เสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหา การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด-19 ในเรือนจำต่าง ๆ ทั่วประเทศ
การได้รับพระมหากรุณาในครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติแก่ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ บุคลากร ของกระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ รวมทั้งลผู้ต้องขัง
นี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งแห่งน้ำพระราชหฤทัยของพระราชาที่ทรงพระราชปลอบประโลมหัวใจของพสกนิกรในพระองค์ให้คลายความทุกข์แสนเค็น ให้ราษฎรทุกคนใช้ชีวิตอยู่อย่างร่มเย็นใต้ร่มบรมโพธิสมภาร