โฆษก ศบค.แถลงผู้ป่วยโควิด-19 พบผู้ป่วยรายใหม่ 45 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย สำรวจกลุ่มสัมผัสกับผู้ป่วยก่อนหน้าพบติดจากครอบครัว เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งการพบปะสังสรรค์มากที่สุด พบอานิสงส์ประชาชนใส่หน้ากาก ทำตัวเลขผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ลดลงไปด้วย ยืนยันตรวจแบบ PUI ดีกว่าชุด Rapid Test ที่ตรวจจากเลือด กว่าจะแสดงอาการก็หลายวัน
วันนี้ (11 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ระบุว่า ผู้ป่วยรายใหม่ในวันนี้ 45 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,518 ราย หายป่วยแล้ว 1,135 ราย มี 68 จังหวัด เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย สะสมรวม 35 ราย ผู้ป่วยใหม่โยงเข้ามาเป็นผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และอยู่ในพื้นที่ State Quarantine พบอีก 8 ราย ที่สงขลา มาจากอินโดนีเซีย และ 1 ราย ที่กรุงเทพฯ มาจากสหรัฐอเมริกา อย่างน้อยลดลงจากเมื่อวาน แต่เคยลงไปต่ำกว่านี้ คือ 38 ราย ต้องช่วยกันในเบื้องต้น
ผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรก ชายไทยอายุ 46 ปี ทำร้านโรงรับจำนำ มีโรคอ้วน มีประวัติอาศัยแม่และน้องสาวที่เป็นผู้ป่วย ยืนยัน กำลังรักษาตัว มีอาการไข้ 39 องศาฯ รักษาโรงพยาบาลเอกชน ตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B ให้ผลลบ แต่ส่งตรวจโควิด-19 ยืนยันมีเชื้อ จากนั้นมีอาการเหนื่อยหอบ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา อีกราย ชายไทยอายุ 65 ปี อาชีพพนักงานทำความสะอาด มีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก อ่อนเพลีย ก่อนกลับบ้านที่จังหวัดพะเยา ส่งตรวจไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และ B ให้ผลลบ แต่ส่งตรวจโควิด-19 ยืนยันมีเชื้อ
ผู้ป่วยรายใหม่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 23 ราย ส่วนคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ การกระจายตัวยังคงที่ มี 9 จังหวัดยังไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วย จังหวัดที่มีผู้ป่วยต่อแสนคนมากที่สุด คือ ภูเก็ต กรุงเทพฯ ยะลา ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ 45 คน กรุงเทพฯ 17 ราย สงขลา 8 ราย ปัตตานี 7 ราย ภูเก็ต 6 ราย และปทุมธานี 3 ราย เปรียบเทียบพื้นที่พบต่างจังหวัดเยอะกว่ากรุงเทพฯ เกิดขึ้นมาจากคนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศทั้งสิ้น
จังหวัดที่มีความชุกของโรคสูง คือ ชลบุรี กองระบาดวิทยา ระบุว่า หลังปิดสถานบันเทิงไม่พบผู้ป่วย แต่จากนั้นเริ่มแสดงอาการ 14 ราย ก่อนจะพบผู้ป่วยเยอะขึ้น จึงมีมาตรการปิดเกาะ ปิดห้างฯ ปิดสวนสาธารณะ แต่พบผู้ป่วยสัมผัสส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน เพราะมีการพบปะกันโดยไม่มีระยะห่าง จึงต้องปิดหาด ปิดโรงแรม ห้ามเข้าออกพัทยา ด้านนิคมอุตสาหกรรมและนักท่องเที่ยว เป็นการยากในการควบคุมของจังหวัด ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับจังหวัด
กลุ่มที่สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน 144 ราย พบติดมาจากครอบครัวมากที่สุด 35 คน รองลงมา บิดามารดา ญาติอื่นๆ ผู้อาศัยร่วมบ้าน และบุตร ส่วนที่ทำงานพบมาจากเพื่อนร่วมงานมากที่สุด 22 คน รองลงมา ผู้บังคับบัญชา ผู้มารับบริการ ส่วนกิจกรรมรวมกลุ่มพบ การพบปะเพื่อนหรือคนรู้จักมากที่สุด 26 คน ช่วงสงกรานต์จึงไม่อยากให้พบปะและเข้าใจว่ามีความเสี่ยงทั้งสิ้น แนวโน้มผู้ติดเชื้อรายใหม่ กรุงเทพฯ จากสูงสุดวันที่ 29 มี.ค. ค่อยๆ เลื่อนลงมา จากหลักร้อยเหลือหลักสิบ ส่วนต่างจังหวัดต้องบวกทางด้านอื่นด้วย เช่น ประชาชนที่เดินทางจากต่างประเทศ
สถานการณ์โลก พบว่า ผู้ป่วยสะสมเกือบ 1.7 ล้านราย เสียชีวิต 1.02 แสนราย สหรัฐอเมริกาเสียชีวิต 1.87 ราย ใกล้เคียงอิตาลี ยกกรณีภาพศพจำนวนมากที่นิวยอร์ก เป็นภาพที่น่าสะเทือนใจ เกิดขึ้นกับประเทศที่ควบคุมโรคได้ดีที่สุดในโลก เพราะฉะนั้นประมาทไม่ได้ แม้จะมีเทคโนโลยีแต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ คนจะต้องร่วมมือกัน ย้ำประชาชนอยู่กับบ้าน ห่างกัน 2 เมตร
ส่วนข้อสงสัยตัวเลขไข้หวัดใหญ่กับผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการทำ MIU ที่กระทรวงสาธารณสุข พบว่า เดือน ม.ค. ถึง มี.ค. ตัวเลขผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ลดลง เพราะได้อานิสงส์จากโควิด-19 ใส่หน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าทุกคน ส่วนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบน้อยลง ยืนยันตัวเลขไม่มีการปิดบัง ถ้าทำได้ดีผลก็ออกมาดี
มาตรการเคอร์ฟิวได้รับแจ้งว่า ยังคงเดิม พบคนออกนอกเคหสถาน 1,065 คน ลดลง 87 คน ส่วนชุมนุมมั่วสุม 109 ราย เพิ่ม 14 ราย อยากจะเห็นความร่วมมือมากกว่านี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้อื่น ส่วนมาตรการแรงงานต่างด้าว รัฐบาลอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ต่อเป็นกรณีพิเศษ ไม่ต้องขอใบอนุญาต ผ่อนคลายลงเพื่อให้อยู่กับที่ ไม่อยากให้มีการเคลื่อนย้ายคน ปัจจุบันมีคนต่างด้าว 1.6 ล้านคน ควรจะอยู่นิ่งๆ ดีที่สุด ขณะที่มาตรการแต่ละจังหวัด สกลนครปิดทุกโรงแรม คนต่างจังหวัดที่เข้ามาต้องไปรายงานตัวกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม.
การจัดสรรหน้ากากอนามัย พบจำนวนรับเข้า 14.42 ล้านชิ้น อยู่ระหว่างจัดส่ง 2.88 ล้านชิ้น กระจายไปแล้ว 11.53 ล้านชิ้น จัดสรรให้โรงพยาบาล 1.7 ล้านชิ้น ส่วนหน้ากาก N95 จากบริษัท 3M ส่งมาแล้วจำนวน 2.03 ล้านชิ้น กำลังกระจายตามกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นอกจากนี้ วันนี้จะมีผู้ที่เดินทางเข้าประเทศ จะมีคนไทยจากรัสเซีย 34 คน ญี่ปุ่น 1 คน
ในช่วงตอบคำถาม เมื่อถามว่า ระยะหลังพบผู้ป่วยยืนยันน้อย มีการตรวจน้อยลงหรือไม่ ทำไมไม่ใช้ Rapid Test นพ.ทวีศิลป์ ชี้แจงว่า เมื่อตรวจเจอผู้ติดเชื้อน้อย ถือเป็นเรื่องธรรมดา การตรวจมากหรือน้อยไม่เกี่ยวกับประสิทธิ์ผลในการดูแล การตรวจ PCR เป็นที่รับรองทั่วโลกและวิธีมาตรฐานเพื่อหาเชื้อโดยตรง ตรวจได้โดยเร็วที่สุด 3 ชั่วโมง จะรู้ผลเร็วกว่าเพราะเชื้อสะสมที่คอ แต่ Rapid Test ต้องตรวจภูมิคุ้มกันจากเลือด โดยต้องติดเชื้อระยะหนึ่งจนสร้างภูมิคุ้มกัน ห่างกันถึง 7 วัน ระหว่างนั้นก็เกิดการแพร่เชื้อมากขึ้น ปัจจุบันมีนวัตกรรมในการป้องกันเชื้อระหว่างการตรวจ PCR มากขึ้น เช่น การดัดแปลงตู้ตรวจ หรือการทำไดร์ฟทรู อีกทั้งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะเพิ่มศูนย์ตรวจ พร้อมผลิตน้ำยาได้มากขึ้น ยืนยันจะใช้วิธีตรวจที่ดีที่สุดเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ
เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว จะเป็นพาหะนำโควิดกลับเข้าไปในชุมชนหรือไม่ ชี้แจงว่า โรคนี้เหมือนไข้หวัดใหญ่ หายแล้วหายเลย มีภูมิคุ้มกัน เอาพลาสมาไปใช้รักษาผู้อื่นได้ วอนอย่ารังเกียจ พยายามดึงคนกลุ่มนี้บริจาคเลือดและพลาสมารักษาคนไข้ที่ภูมิคุ้มกันไม่ดี ยืนยันไม่มีโอกาสเสี่ยง แต่การติดเชื้อซ้ำน้อยมาก อย่าเอาคนกลุ่มเล็กเป็นประเด็นแล้วแบ่งแยกกีดกัน
เมื่อถามว่า นอกจาก 11 จังหวัดประกาศห้ามขายแอลกอฮอล์ จังหวัดอื่นมีแนวโน้มประกาศหรือไม่ ชี้แจงว่า เคสใหม่เกิดขึ้นจากการสังสรรค์กลุ่มเล็กๆ กระจายกันไป ทั้งจากร้านสะดวกซื้อ ที่เป็นประเด็น คือ นั่งดื่มอยู่กับบ้าน ซึ่งมีความเสี่ยง ตัวเลขการดื่มแล้วขับ เสียชีวิตช่วงสงกรานต์ ระหว่างปี 2555-2562 พบว่า จำนวนอุบัติเหตุ 300-400 ราย ผู้บาดเจ็บกว่า 3,000 คนทุกปี พบผู้ขับขี่ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตที่ดื่มแอลกอฮอล์สูงสุด 13 เมษายนของทุกปี กระทรวงวัฒนธรรมออกแนวทางห้ามและงดเล่นน้ำสงกรานต์ ความสำคัญของวัฒนธรรมเปรียบเทียบกับสุขภาพนั้น สุขภาพต้องมาก่อน
เมื่อถามว่า บุคคลที่ทำสื่อมวลชนปิดหน้าหนังสือพิมพ์ตอน 4 ทุ่ม จัดอยู่ในข้อยกเว้นหรือไม่ ชี้แจงว่า เหมือนเวรยาม เช่น บุคลากรทางการแพทย์จะได้รับการยกเว้น ส่วนสื่อมวลชน และโรงงานขอความร่วมมือเหลื่อมเวลากันเอง