แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ โพสต์ข้อความกรณีเหตุป่วนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่มีคนเดินทางเข้าประเทศไทย แต่กลับหนีกระบวนการกักตัว เชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 แนะให้ทุกคนระมัดระวังตัวให้มากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนบ้าง
จากกรณีที่มีผู้เดินทางเข้าประเทศผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 158 คน ไม่ยอมไปกักตัว 14 วัน ยังสถานที่ที่รัฐบาลจัดให้ ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยอ้างว่า รัฐบาลไม่แจ้งให้ทราบถึงเรื่องนี้มาก่อน จนมีการรวมตัวกันประท้วงมาตรการดังกล่าว กระทั่งมีนายทหารยศพลตรีคนหนึ่งมาเจรจา และยอมปล่อยให้เดินทางออกจากสนามบินโดยให้ไปกักตัวเองที่บ้านนั้น แม้ว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข จะคัดคัดค้าน แต่ไม่สามารถควบคุมตัวผู้เดินทางทั้งหมดได้
ล่าสุด วันนี้ (4 เม.ย.) เฟซบุ๊ก “Porntip Rojanasunan” หรือ แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความถึงกรณีที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของสถานการณ์โรคที่ต้องติดตาม ที่สำคัญ ทุกคนต้องระมัดระวังตัวให้มาก เพราะไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนบ้างในอีกด้านนั้นคือสิ่งที่สะท้อนประเด็นสำคัญในการบริหารสถานการณ์วิกฤตคือเรื่องภาวะผู้นำที่ผู้รับผิดชอบในทุกระดับต้องมีความสามารถในการ Command คือ สั่งการ Control คือ ควบคุมงาน Coordinate คือ การประสานแก้ปัญหา เพื่อให้งานเป็นไปตามนโยบาย นายกฯ ออกคำสั่งใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเต็มพื้นที่ประเทศ
ทั้งนี้ มีรายละเอียดมากมาย แต่หน่วยงานต่างๆ นำไปสั่งการและปฏิบัติได้ขนาดไหนดูจากเรื่องที่ผู้โดยสารต่อต้านไม่ทำตามกฎหมาย โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น รวมทั้งวิธีการกักตัว 14 วัน ที่น่าจะกลายเป็นการแพร่เชื้อมากกว่า อีกประเด็นปัญหาที่สำคัญ คือ ระบบการสั่งการ บุคคลจากต่างหน่วยงานจะฟังคำสั่งใคร สิ่งที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่านายทหารไม่ฟังเจ้าหน้าที่สาธารณสุข สถานการณ์โรคครั้งนี้ใหญ่หลวงที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ง่าย เรามีเหตุการณ์การกระจายเชื้อโรคที่ไม่คาดคิดมาหลายเหตุการณ์ คือ สนามมวย การสังสรรค์ในผับ การไปปฏิบัติศาสนกิจที่มาเลย์ อินโดนีเซีย ที่เพิ่มความรุนแรงของการกระจายโรคมาแล้ว
และนอกจากนี้ เที่ยวบินที่พาคนไทยกลับจากประเทศเสี่ยงที่ต่อต้านการบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้จะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อใหญ่อีกครั้ง ยังมีคนไทยจำนวนมากที่ไม่เข้าใจสถานการณ์โรค มีทั้งแกล้งไม่เข้าใจ มีทั้งไม่ใส่ใจ และมีทั้งตั้งใจต่อต้าน อย่าเอาแต่ด่าหรือตำหนิ สังคมปล่อยให้มีคนแบบนี้มานานมากแล้ว เขาตั้งใจหนีโรคร้ายกลับมาให้ทันก่อนปิดประเทศ แต่กลับทำสิ่งนี้คือกรรมดำที่ดำสนิทเปรอะเปื้อนสังคม และมาเจอกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่รับผิดชอบ เราทุกคนต้องมีสติรู้จักป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง ติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิดกันต่อไป”