เพจหมอเวร วอนขอรัฐบาล โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน ร่วมมือกันแก้ปัญหาโควิด-19 และนึกถึงประชาชนจริงๆได้แล้ว เพราะศึกที่ชื่อว่า COVID-19 มันใหญ่กว่าคำว่าอีโก้
วันนี้ (2 เม.ย.) เพจ “หมอเวร” ออกมาโพสต์เสนอทางเลือกให้แก่ รัฐบาล โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน ยืนยันว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงระบบการจัดการสถานพยาบาลทั่วประเทศและร่วมมือกัน เพราะที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าขัดแย้งกันแทบทุกเรื่อง และผลเสียก็ตกแก่ประชาชน
โดยระบุเนื้อหาว่า “วันนี้หมอขอมาในโหมดซีเรียส และตั้งกระทู้พลีชีพตัวเอง ถ้าโพสต์นี้หายไป แปลว่าเราคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลงระบบการจัดการสถานพยาบาลทั่วประเทศได้อีกต่อไปแล้ว และความซวยก็จะตกอยู่กับประชาชนทั่วไปเป็นอันแน่
นี่เป็นประเด็นใหญ่ที่หลายคนอาจไม่ค่อยทราบกัน ว่าจริงๆเบื้องลึกเบื้องหลังของ รัฐ x รพ.รัฐ และ รพ.เอกชนนั้น ผู้ใหญ่ทั้ง 3 ฝ่าย ไม่ลงรอยกันมาเป็นเวลายาวนานแล้ว จึงทำให้ประชาชนเห็นความขัดแย้งในด้านการจัดการ และการรับมือ COVID-19 ที่ดูไม่ค่อยลงรอยกันในทุกๆฝ่าย
ตั้งแต่การอมหน้ากากอนามัยแล้วยังหาตัวไม่ได้
กระทรวงนู้นบอกส่งออกหน้ากากจริง แต่อีกกระทรวงบอกไม่มี๊ไม่มี
หน้ากากอนามัยและชุด PPE ขาดแคลนทุกที่ทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่ต้องเย็บหน้ากาก เย็บชุดเอง แต่รัฐบอกก็มีพอนะ
ใครออกมาบอกว่าของขาด โดนสั่งลบโพสต์และโดนสั่งควบคุมความประพฤติทันทีเพื่อไม่ให้รพ.เสียหน้าไม่ว่าจะเป็นรพ.รัฐหรือเอกชนก็ตาม
ภาคประชาชนต้องออกมาระดมทุนซื้อหน้ากากแจกจ่ายกันเอง บางรายจะซื้อมาแจก แต่โดนสั่งยึดเพราะถือว่าครอบครองหน้ากากในปริมาณที่เยอะเกินไป
รพ.รัฐไม่รับตรวจคนที่ไม่ได้มาจากประเทศเสี่ยง หรือมีประวัติคลุกคลีกับผู้ป่วย ทำให้คนไข้หลายๆรายไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
รพ.หลายที่บอกน้ำยาตรวจ COVID-19 ขาด แต่รัฐบาลบอกของมีเหลือเฟือ
รพ.เอกชนตั้งราคาค่าตรวจแพง ทั้งๆที่รัฐสามารถสั่งคุมงบตรงนี้ได้ หรือให้ประชาชนตรวจโดยไม่ต้องควักเงินจ่ายซักบาทก็ทำได้
ถ้าแต่รัฐไม่สามารถคุมงบรพ.ได้ รพ.เอกชนเองล่ะ สามารถคิดกำไรให้น้อยลง เพื่อประชาชนในภาพรวมแทนได้ไหม
รพ.เอกชนบางแห่งลืมแจ้งผลผู้ติดเชื้อ หรือแจ้งผลล่าช้า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรพ.ในภาพรวม เพียงเพราะกลัวคนไม่กล้ามารพ. จากการพบผู้ติดเชื้อในรพ.ของตน
ศูนย์ตรวจ COVID-19 PCR เฉพาะกิจหลายที่โดนสั่งปิด ไม่ว่าจะเป็น Drive Thru หรือ Delivery เพราะทำเกินหน้าเกินตา และไม่ออกใบอนุญาตเร่งด่วนให้ ทั้งๆที่มีอำนาจล้นมือ
ศูนย์กักโรคผู้ป่วยชั่วคราวที่ทำแบบขอไปที ใช้มุ้งมาให้เป็นที่นอน ทั้งๆที่คุยกับเอกชนเพื่อขอความร่วมมือหาสถานที่มารองรับเพิ่มได้ง่ายๆ แต่ไม่ทำ
รัฐบอกตัวเลขผู้ติดเชื้อควบคุมได้ดี ทั้งๆที่ความจริงระยะการระบาดผ่านไป 3 เดือนแล้ว เราเพิ่งตรวจไปแค่ห้าหมื่นกว่าราย แต่อเมริกาตรวจไปแล้วหนึ่งล้านรายภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์
กรุงเทพชัตดาวน์ห้างร้านต่างๆ แต่ไม่ปิดทางเข้าออกเมือง ทำให้โรคแพร่ไปทั่วประเทศ สั่งไปก่อนโดยไม่คิดถึงแผนรับมือสเต็ปถัดไปก่อน
รัฐสั่งหยุดงานกะปริบกะปรอย อยากลดการแพร่ระบาดของโรค แต่ไม่กล้าบังคับภาคเอกชนให้หยุดทั้งหมด ตัวเลขมันเลยวิ่งอยู่ต่อเนื่อง คนเจ็บจากการขาดรายได้ก่อน ก็ต้องเจ็บต่อกันไปอีกยาวๆ
รัฐไม่เด็ดขาดสั่งให้ธนาคาร ไฟแนนซ์ และลิสซิ่งต่างๆหยุดดอกเบี้ย เพียงขอแค่ความร่วมมือจากกลุ่มนายทุนเท่านั้น (ขอความร่วมมือใครมันจะไปทำเพ่ สั่งสิสั่งหน่อย)
รวมไปถึงข่าวต่างๆที่เราเห็นอยู่ตลอดเวลา ว่าทั้ง 3 ฝ่ายยังไม่มีความลงรอยเกิดขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย
เรื่องเหล่านี้กลายเป็นว่า คนข้างบนไม่เปิดอกคุยกัน แต่กรรมกลับมาตกที่ประชาชนตาดำๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติหน้างานจริงทุกองค์กรด้วย
คือคนระดับปฏิบัติการไม่ว่าจะรัฐ เอกชน หรือรพ.รัฐ อันนี้เค้าไม่ได้ทะเลาะกันนะ ตีกันแต่ตัวบนๆนี่แหละ ทำอะไรข้าต้องได้หน้า รอบนี้ข้าต้องได้ซีน ชั้นต้องได้กำไร
- รัฐไม่ยอมร่วมมือกับหลายภาคส่วน เพราะกลัวเสียหน้า
- รพ.รัฐ ไม่ยอมร่วมมือเอกชนเพราะถือคติว่ารพ.รัฐเจ๋งกว่า
- รพ.เอกชน ไม่ยอมร่วมมือกับรพ.รัฐ เพราะอยากได้ตังเอง
หยุดเถอะครับ หันมาร่วมมือจริงจังกันเสียที
ส่วนจะให้ใครเป็นตัวกลางในการประสานความร่วมมือครั้งนี้ จริงๆคนระดับบนเค้ามีคอนเนคชั่นกันหมดอยู่แล้วหล่ะนะ เพียงแต่ว่าอีโก้สูงทุกฝ่าย และไม่มีใครยอมใครก่อนทั้งนั้น
โพสต์นี้หมออยากให้ทุกคนได้แชร์ออกไป ช่วยกันกดดันการทำงานของคนระดับบนของทุกฝ่าย และวิงวอนขอให้นึกถึงประชาชนจริงๆได้แล้ว เพราะศึกที่ชื่อว่า COVID-19 มันใหญ่กว่าคำว่าอีโก้ และอัตตาของพวกท่านทุกคนจริงๆ
#ถึงเวลาปรองดองเพื่อประชาชนแล้วครับท่านทั้งหลาย