ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ มี ๒ ครั้งแล้ว ที่ไทยยอมให้กองกำลังต่าชาติเข้ามาปฏิบัติการในเมืองไทย โดยไม่ถือว่าเป็นการละเมิดอธิปไตย ครั้งแรกเกิดในปี ๒๔๘๘ เมื่อมีเรื่องอื้อฉาวว่า เกาะตะรุเตา สถานกักกันนักโทษของไทย เป็นแหล่งส้องสุมโจรสลัด มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้อำนวยการเป็นหัวหน้า ปล้นเรือสินค้าจากพม่าและจับลูกเรือถ่วงน้ำเป็นพวงอย่างโหดเหี้ยม ถึงกับทำให้เกาะปีนังและมาเลเซียอดอยาก อังกฤษต้องขอเข้ามาปราบ ตอนนั้นสงครามโลกครั้งที่ ๒ เพิ่งยุติ อยู่ในช่วงที่ไทยต้องเกรงใจอังกฤษ จึงยอมให้อังกฤษนำเรือรบยกพลขึ้นบก โดยมีเครื่องบินอีก ๒ ลำบินโฉบขย่มขวัญ เข้าปราบปรามสลัดตะรุเตา
ครั้งที่ ๒ เกิดขึ้นในปี ๒๕๒๔ เมื่อสลัดอากาศชาวอินโดนีเซียจี้เครื่องบินโดยสารภายในประเทศมาลงที่ดอนเมือง ไทยล้อมอยู่ ๓ วันก็ยังเจรจากันไม่ตกลง คนในเครื่องบินทั้งสองฝ่ายต่างเครียดหนัก ทางการอินโดนีเซียจึงแสดงความรับผิดชอบขอปราบเองไม่ให้เดือดร้อนไทย โดยอ้างการใช้ภาษากับคนในเครื่องได้สะดวกกว่า ไทยเลยยอมเป็นแค่พี่เลี้ยง ถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นข่าวดังไปทั่วโลก
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเครื่องบินแบบ ดีซี.๙ ของสายการบินการูด้า ซึ่งเป็นเที่ยวบินภายในประเทศของอินโดนีเซีย ได้พาผู้โดยสารราว ๔๐ คนมาขอลงที่สนามบินดอนเมืองเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๒๔ ในเวลา ๑๗.๐๐ น. โดยมีสลัดอากาศชาวอินโดนีเซียพร้อมปืนและระเบิดได้ยึดเครื่องบินตั้งแต่ออกจากเมืองจาการ์ต้ามาได้ไม่นาน และมาแวะเติมน้ำมันที่ปีนัง ก่อนจะบังคับให้บินมาลงดอนเมือง
สลัดอากาศได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลอินโดนีเซีย ให้ปล่อยตัวนักโทษในคดีที่บุกเข้าโจมตีสถานีตำรวจในเมืองบันดุง พร้อมทั้งเงินสดอีก ๓๐ ล้านบาท ไทยจึงแจ้งต่อรัฐบาลอินโดนีเซีย ซึ่งพลโทโซโตโม อธิบดีกรมประมวลข่าวกรองของอินโดนีเซีย รีบบินมาทันทีพร้อมด้วยคณะ ฝ่ายไทยมี พล.อ.ประจวบ สุนทรางกูร รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งไปปักหลักนอนอยู่ที่ดอนเมืองเป็นผู้ประสานงาน แต่การเจรจาไม่เป็นผล สลัดอากาศได้เปลี่ยนแปลงข้อเรียกร้องและตั้งเงื่อนไขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังไม่ยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องเพื่อมนุษยธรรม ที่ขอให้ปล่อยเด็กอายุ ๔ ขวบ ๑ คน การเจรจาจึงยืดเยื้อ
สลัดอากาศจะบังคับให้กัปตันบินต่อไปประเทศอื่นอีก แต่ก็ไม่มีประเทศใดยอมรับให้ไปลง อีกทั้งเครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินภายในประเทศ กัปตันไม่เชี่ยวชาญการบินระหว่างประเทศ และยังไม่มีแผนที่ทางอากาศ อีกทั้งลูกเรือทั้งหมดต้องอยู่ในเครื่องมาไม่ต่ำกว่า ๖๐ ชั่วโมงแล้ว ต่างอิดโรยอย่างหนัก ไม่อยู่ในสภาพที่จะบินได้ หากปล่อยให้บินไปโดยไม่มีจุดหมาย จะเป็นอันตรายต่อผู้โดยสารที่มีทั้งชาวอินโดฯ และชาวต่างชาติ คือ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ อเมริกัน และอังกฤษรวมอยู่ด้วย
การเจรจายืดเยื้ออยู่หลายวันจนผู้โดยสารและพนักงานบนเครื่องบินเครียดอย่างหนัก ซึ่งแน่นอนว่าสลัดอากาศก็เครียดด้วย ผู้โดยสารชาวอังกฤษคนหนึ่งและอเมริกันอีกคนทนไม่ไหว เสี่ยงชีวิตกระโดดหนีลงมา ผู้โดยสารอังกฤษปลอดภัย คอมมานโดไทยที่ล้อมอยู่ช่วยไว้ได้ แต่ชาวอเมริกันถูกยิงบาดเจ็บสาหัส
ทางการไทยและอินโดนีเซียเห็นว่า ถ้าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปผู้โดยสารและพนักงานบนเครื่องบินจะมีอันตราย เพราะเมื่อสลัดอากาศกลุ่มนี้จนตรอกอาจจะทำอะไรก็ได้ เคยฆ่าหมู่ตำรวจที่บันดุงมาแล้ว จำต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด อินโดนีเซียขอใช้คอมนานโดของอินโดฯเองเข้าปฏิบัติการ เพราะหน่วยกล้าตายของไทยจะมีปัญหาเรื่องภาษา ซึ่งคอมมานโดหน่วยนี้ได้บินมาเตรียมพร้อมอยู่ที่ดอนเมืองตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์แล้ว โดยคอมนานโดไทยจะล้อมอยู่ภายนอกคอยเป็นกำลังเสริม
จนล่วงเข้าวันใหม่ของพุธที่ ๓๑ ธันวาคม หลังจากตัวประกันต้องถูกคุมตัวเครียดอยู่บนเครื่องบินที่ร้อนอบอ้าวถึง ๓ วันกว่า แผนปฏิบัติการจึงเริ่มขึ้นในความมืด
ราว ๐๒.๐๐ น. รถจิ๊ปกลางคันหนึ่งซึ่งมีคอมนานโดของอินโดเนเซีย ๒๐ คน ได้เคลื่อนเข้ามาจอดซุ่มอยู่ในบริเวณสนามบินดอนเมืองด้านถนนวิภาวดีรังสิต ตามด้วยรถโฟล์คตู้พยาบาล
๐๒.๔๐ น. คอมมานโดอินโดฯก็เคลื่อนขบวนเข้าไปทางด้านท้ายเครื่องบินที่อับสายตาคนบนเครื่อง บางคนก็แบกบันไดไปด้วย เมื่อถึงเครื่องบินจึงกระจายกำลังกันเข้าประจำจุดต่างๆ โดยเฉพาะประตูทุกช่อง ส่วนคอมมานโดของไทยในชุดดำก็กระจายกันล้อมคอมนานโด
อินโดนีเซียอีกชั้นหนึ่ง ทั้งยังมีวงล้อมที่สามเป็นกองกำลังอากาศโยธิน ส่วนรถพยาบาลได้เคลื่อนเข้าใกล้เครื่องบินมากที่สุด เพื่อรอนาทีหลั่งเลือด
ขณะนั้นภายในเครื่องบินปิดไฟมืดสนิท ผู้โดยสารส่วนใหญ่คงจะนอนหลับ ประตูทุกบานที่ปิดสนิทไม่สามารถจะเปิดออกจากด้านนอกได้ ต้องใช้กลไกเปิดฉุกเฉินจากภายในซึ่งอยู่ข้างมือกัปตัน แต่ขณะนั้นแม้กัปตันจะอยู่ในห้องบังคับการบิน แต่ก็ถูกควบคุมด้วยอาวุธของสลัดอากาศ
แผนเหนือฟ้าเริ่มขึ้นเมื่อเครื่องบินขนาดใหญ่แบบฟอกเกอร์ เฟรนด์ชิฟ ถูกเรียกมาจากอินโดนีเซีย เมื่อเข้าน่านฟ้าไทยใกล้ดอนเมือง สัญญาณลับที่ถูกส่งมาเป็นโค๊ดก็ปรากฏขึ้นในแผงหน้าปัด ดีซี.๙ ที่ภาคพื้นดิน กำหนดเวลาให้กัปตันเปิดประตูฉุกเฉินต้อนรับคอมมานโด โดยสลัดอากาศไม่รู้เรื่อง
ทันทีที่เสียง “เพล้ง!” ของประตูฉุกเฉินดังสนั่นขึ้นในความเงียบ จากการเปิดบานประตูด้านท้ายเครื่องและหัวเครื่อง คอมมานโดที่พาดบันไดรออยู่แล้วก็บุกเข้าไปทันที มีเสียงปืนดังขึ้นสนั่น คอมมานโดคนแรกที่บุกเข้าไปถูกยิงกระเด็นตกลงมา แต่หน่วยกล้าตายตนอื่นๆต่างกรูเข้าไปอย่างไม่หวั่นเกรง มีกระแสข่าวว่าคอมมานโดไทยก็ร่วมแรงร่วมใจไปด้วย
ตอนนี้เสียงปืนของทั้งสองฝ่ายรัวกันถี่ยิบ ครู่เดียวก็เงียบลง ต่อมาหน่วยกล้าตายอินโดเนเซียก็จับชายคนหนึ่งไว้ แต่ดิ้นหลุดหนีมาที่ประตูด้านหลัง เลยถูกมือดีผลักตกลงมาที่พื้น จากนั้นหน่วยคอมมานโดอินโดฯที่อยู่ข้างล่างก็ตรงเข้าไปจ่อปืนลั่นไกจนนิ่งสนิท
ส่วนประตูด้านหน้า ร่างอันไร้วิญญาณของสลัดอากาศอีกคนถูกโยนลงมา ถึงเวลานั้นดูเหมือนคอมมานโดอิเหนาจะควบคุมสถานการณ์ในเครื่องบินไว้ได้ แต่แล้วก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีก หน่วยคอมมานโดร้องสั่งให้ผู้โดยสารทุกคนหมอบลง แล้วกรูกันเข้าไปในเครื่องบิน มีเสียงปืนดังขึ้นอีกเป็นระยะ จากนั้นร่างของสลัดอากาศก็ถูกโยนออกมาจากเครื่องบินอีกคน
ผู้โดยสารถูกลำเลียงลงมาจากเครื่องบิน แต่พอถึงพื้น คอมมานโดข้างล่างก็สั่งให้นอนราบกลิ้งตัวไปกับพื้น เพื่อตรวจดูว่าอาจมีสลัดอากาศปะปนมากับผู้โดยสาร และแล้วก็ได้พบคนสำคัญ คือนายมูริซัน มูฮัมเหม็ด ซายิด หัวหน้าสลัดอากาศวัย ๓๑ ชาวเมืองบันดุง ที่แอบปนลงมากับผู้โดยสาร เลยถูกคอมมานโดอินโดฯส่องด้วยปืนจนจบบทบาท
เมื่อผู้โดยสารลงจากเครื่องบินหมดแล้ว คอมมานโดได้กลับเข้าไปตรวจค้นภายในเครื่องบินอย่างละเอียด และโยนร่างคนลงมาอีกคน ซึ่งคนข้างล่างก็ไม่ได้แสดงความสนใจใยดี เข้าใจว่าเป็นสลัดอากาศที่เสียชีวิตแล้ว
ปรากฏว่าปฏิบัติการครั้งนี้ใช้เวลาไม่ถึง ๓ นาที สลัดอากาศเสียชีวิตทั้งหมด หลังจากปฏิบัติการสายฟ้าแลบอย่างอาจหาญเป็นผลสำเร็จ คอมมานโดไทยและอินโดนีเซียต่างก็วิ่งเข้าสวมกอดกันด้วยความดีใจ ท่ามกลางเสียงไชโยโห่ร้องก้องสนามบินของกองเชียร์ จากนั้นผู้ปฏิบัติการทั้งหลายก็เข้าแถวตบเท้ากลับที่ตั้ง โดยมีเสียงปรบมือกราวใหญ่ หน่วยกล้าตายต่างก็หันมายิ้มและโบกมือให้
ที่สถานทูตอังกฤษในวันรุ่งขึ้น นายโรเบิร์ต เวนไรท์ ชาวอังกฤษที่กระโดดหนีออกมาจากเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย ได้เปิดแถลงกับผู้สื่อข่าวว่า ตนกำลังเดินทางจากจาการ์ต้าไปเมืองเมดานกับนายคาร์ล ชไนเดอร์ ชาวอเมริกันผู้เป็นนายจ้าง ซึ่งจะไปแข่งขันกอล์ฟ พอเครื่องบินไต่ขึ้นได้ระดับทรงตัวแล้ว ก็มีชาวอินโดนีเซียคนหนึ่งลุกขึ้นเดินตรงไปที่ห้องนักบินพร้อมกับชักปืนออกมา จากนั้นก็มีชาวอินโดฯอีกคนลุกขึ้นยืนที่แถวหน้าของที่นั่ง พร้อมกับโชว์ปืนที่ถืออยู่ในมือให้ผู้โดยสารทุกคนเห็น แล้วทำสัญญาณสั่งให้ทุกคนชูมือทั้งสองขึ้นประสานไว้ที่ท้ายทอย
หลังจากนั้นกลุ่มผู้ก่อการร้ายก็แยกกัน คนที่ท่าทางเป็นหัวหน้าเข้าไปที่ห้องนักบิน อีกคนท่าทางเป็นนักศึกษาคุมอยู่แถวหน้าสุดของที่นั่ง อีกสองคนคุมต่อมาเป็นระยะ ส่วนคนสุดท้ายท่าทางเป็นนักศึกษาเช่นกัน เดินไปมาระหว่างหัวและท้ายเครื่องบิน โดยทั้งสองคนที่มีลักษณะเป็นนักศึกษามีอาการตื่นเต้นตลอดเวลา ท่าทางที่ถือปืนก็ดูไม่มั่นใจนัก นายเวนไรท์กล่าวว่า เมื่อตอนเริ่มจี้เครื่องบินนั้นทุกคนดูเป็นมืออาชีพ แต่พอเวลาผ่านไปผู้ก่อการร้ายก็ดูไม่ค่อยมั่นใจตนเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น นายเวนไรท์เห็นผู้ก่อการร้ายเครียดกันมาก พากันเปลี่ยนชุดเครื่องแต่งกายเป็นชุดสนามเหมือนจะออกรบ และนำระเบิดมือออกมากวัดแกว่ง ซึ่งเขาสังเกตเห็นว่าเป็นของจริง ส่วนสลัดอากาศที่ดูลักษณะเหมือนนักศึกษาสองคนนั้น มีท่าทีตื่นเต้นหวาดกลัวมาก ถึงกับมือสั่นและร้องไห้
ที่ทำเนียบรัฐบาลในเช้าวันที่ ๓๑ มีนาคม ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี โฆษกรัฐบาล ได้แถลงสรุปเหตุการณ์ให้สื่อมวลชนทราบ และบอกถึงเหตุผลที่ไทยอนุญาตให้กองกำลังติดอาวุธของอินโดเนเซียเข้ามาปฏิบัติการในครั้งนี้ เพราะอินโดเนเซียขออนุญาตมาและว่าจะพยายามไม่ให้เสียเลือดเนื้อ ฝ่ายไทยก็เห็นว่าการเจรจาได้พยายามอย่างที่สุดแล้วไม่เกิดผล ทั้งไทยก็มีพันธะที่จะต้องต่อต้านการก่อการร้ายที่ขัดต่อ พรบ.การบินหลายฉบับ รัฐบาลจึงจำต้องให้ความร่วมมือ โดยถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จะต้องช่วยชีวิตผู้โดยสารในเครื่องบิน
การพิชิตสลัดอากาศในครั้งนี้ แม้คอมมานโดอินโดนีเซียจะมีบทบาทนำ แต่ไทยก็ได้รับการชื่นชมจากนานาชาติ ที่พยายามจะใช้การเจรจาในการแก้ปัญหา อย่างที่เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในปี ๒๕๑๑ ที่ขบวนการ “แบลค เซ็ปเท็มเบอร์” ยึดสถานทูตอิสราเอล แต่เมื่อสันติวิธีใช้กับผู้ก่อการร้ายชุดนี้ไม่ได้ผล ก็จำต้องใช้วิธีเด็ดขาดเพื่อช่วยชีวิตผู้โดยสารบนเครื่องบิน ยืนยันที่จะต่อต้านการก่อการร้ายตามพันธะที่มีกับนานาชาติ
นี่ก็เป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของสนามบินดอนเมือง ซึ่งจำต้องต้อนรับเที่ยวบินพิเศษที่ไม่อยู่ในตารางการบิน แต่กลับเป็นเที่ยวบินที่โด่งดังไปทั่วโลก