xs
xsm
sm
md
lg

6 องค์กรวิชาชีพสื่อ แถลงเรียกร้องทำข่าว “โควิด-19” อย่างระมัดระวัง ยึดมั่นจริยธรรม เสนอข้อมูลจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ร่วมกับ 5 องค์กรวิชาชีพ ถึงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีกระแสข่าวลวง ข่าวปลอม ทำความน่าเชื่อถือลดน้อยลง ต้องระมัดระวังการนำเสนอมากขึ้น และฟังข่าวจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

วันนี้ (14 มี.ค.) สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย (Thai Journalists Association) ร่วมกับ 5 องค์กรวิชาชีพ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ, สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์, สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ออกหนังสือเสนอแนะและเรียกร้องมายังฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ ไวรัสโววิด-19 ในประเทศไทย โดยมีการระบุข้อความว่า

แถลงการณ์ร่วม 6 องค์กรวิชาชีพ
เรื่อง สถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19)

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่ง องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2563 ให้การแพร่ระบาดจากโรคระบาด (Epidemic) เป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก (Pandemic) อย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้จัดตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)” โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ประกอบด้วย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวด้วยความห่วงใย จึงเสนอแนะและเรียกร้องมายังฝ่ายต่างๆ ดังต่อไปนี้

1. ขอให้สื่อมวลชนทุกสำนัก ยึดมั่นจริยธรรม โดยนำเสนอข้อมูลช่าวสารตาม “แนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในภาวะวิกฤต” ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพ ที่อันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชน ซึ่งระบุว่า “พึงระมัดระวังการสร้างความตื่นตระหนก จากการนำเสนอโดยการคาดเดา หรือไม่ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์หรือหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับสาเหตุการแพร่ระบาดของโรค หรือสถานการณ์ภัยสุขภาพ รวมถึงวิธีการป้องกัน แก้ไข และรักษา” เพื่อนำไปสู่การบรรเทาความเสียหายและคลี่คลายวิกฤตการณ์ นอกจากนี้ ต้องศึกษากฎหมาย ข้อกําหนด หรือข้อตกลงที่บังคับใช้ในภาวะวิกฤต เพื่อมิให้การปฏิบัติงานข่าวกระทบต่อประโยชน์หรือความปลอดภัยสาธารณะ

2. ขอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญและระมัดระวังเป็นพิเศษในการสื่อสารในภาวะวิกฤติ ในสถานการณ์ที่สังคมต้องการข้อมูลที่ถูกต้องชัดเจน เชื่อถือได้ ไม่เกิดความสับสน และสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินชีวิตและปฏิบัติตัว

3. ขอให้ผู้บริหารสำนักข่าวทุกสำนักให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของกองบรรณาธิการ ผู้สื่อข่าวที่จะต้องปฏิบัติงานข่าว ลงพื้นที่ทำข่าว รายงานข่าวในสถานการณ์โรคระบาด ด้วยการวางมาตรการตามกฎควบคุมโรค ประเมินความเสี่ยงของสถานที่ และต้องจัดหาอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยง ไม่ให้ต้องตกเป็นผู้ป่วยติดเชื้อเสียเอง

4. ขอให้ภาคประชาสังคมและประชาชนทั่วไป ระมัดระวังการส่งต่อ หรือแชร์ข้อมูลข่าวสารที่อาจจะเป็นข่าวลวง ข่าวปลอม ไม่มีแหล่งที่มา ไม่มีความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้กับสังคมเพิ่มเติม หากไม่มั่นใจ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลจากหลายๆแหล่ง รวมทั้งสื่อมวลชนก่อนทุกครั้ง

14 มีนาคม 2563
สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ
สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย






กำลังโหลดความคิดเห็น