พบกับเทคโนโลยีประชุมทางไกล ที่ทุกคนเข้าถึงได้ หนึ่งทางเลือกของการทำงานในช่วง “โควิด-19” ระบาด สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ใช้ Virtual Forum ผชประชุมนัดสำคัญ ไม่ต้องเดินทางมาเอง
... รายงานพิเศษ
สถานการณ์การแพร่พระบาดของไวรัส “โควิด-19” ในประเทศไทย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เช่น เมื่อวานนี้ (12 มี.ค.) มีผ้ติดเชื้อเพิ่ม 11 คน จากการสัมผัสจากนักท่องเที่ยวที่มาจากฮ่องกง ร่วมวงดื่มสุรา สูบบุหรี่
วันนี้ (13 มี.ค.) มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 5 คน โดย 2 ใน 5 เป็นกลุ่มเดียวกับ 11 คนเมื่อวานนี้ ส่วนอีก 3 คน มี 1 คนกลับจากการไปเสริมความงานที่ประเทศเกาหลี และติดไปยังน้องชายและเพื่อนของน้องชาย รวมแล้วมีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยแล้ว 75 คน กลับบ้านแล้ว 35 คน ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 39 คน เสียชีวิต 1 คน
ที่สำคัญ คือ มีสถานที่หลายแห่งที่ถูกระบุว่า ผู้ติดเชื้อมีประวัติเคยเดินทางไป เป็นสถานที่ทำงาน หรือที่อยู่อาศัย และมีหลายจุดที่เป็นพื้นที่สำคัญ เป็นศูนย์รวมของบริษัท ห้างร้านต่างๆ สร้างความกังวลให้กับคนที่จำเป็นต้องไปทำงานในแหล่งต่างๆ ที่มีผู้ติดเชื้อว่าอาจจะไม่ปลอดภัยที่จะต้องออกไปยังจุดต่างๆ ที่มีความเสี่ยง
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ มีการประชุมนัดสำคัญเกี่ยวกับการให้ภาครัฐและภาคเอกชน ร่วมกันให้ความช่วยเหลือในการจ้างงาน และให้โอกาสผู้พ้นโทษที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ถูกใช้ไปนำเสนอในงาน 10 ปี ข้อกำหนดกรุงเทพฯ
แต่ได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นการประชุมที่เรียกว่า Virtual Forum ผ่านแอปพลิเคชันที่ชื่อว่า ZOOM ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมประชุม ไม่ต้องเดินทางมายังถนนวิทยุ
TIJ เคยใช้เทคโนโลยีนี้ กับโครงการที่มีชื่อว่า Borderless Youth Forum ซึ่งสามารถทำให้เยาวชน 200 คนจาก 50 ประเทศทั่วโลกที่สนใจประเด็นเรื่องความยุติธรรมในประเทศต่างๆ มาประชุมพร้อมกันได้ผ่านเทคโนโลยี เยาวชนเหล่านี้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากทุกมุมโลก
ได้เห็นมุมมองและทัศนคติของเพื่อนที่อยู่ไกลกันคนละซีกโลก โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ลดค่าใช้จ่าย และยังสามารถทำกิจกรรมร่วมกันดวยกระบวนการแบบ Design Thinking เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในประเด็นที่พวกเขาต้องการนำเสนอ จนสามารถนำไปเสนอในที่ประชุมระดับนานาชาติมาแล้ว
ดังนั้น เมื่อเกิดสถานการณ์ระบาดของไวรัส โควิด-19 ทำให้ประสบการณ์จากโครงการ Borderless Youth Forum ที่เคยประสบความสำเร็จ ถูกนำมาใช้ในการประชุมเมื่อวานนี้ และยังให้พนักงานของ TIJ ทุกคน ทดลองใช้และร่วมฟังการประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงานในอนาคต
หากการระบาดรุนรงขึ้น หรื่อเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งอาจไม่สะดวกและมีความเสี่ยงที่จะต้องเดินทางมาทำงาน ก็ยังสามารถทำงานต่อไปได้
การประชุมด้วยรูปแบบ Virtual Forum เมื่อวานนี้ มีเข้าร่วมประชุมผ่านคอมพิวเตอร์ส่วนตัวหรือโทรศัพท์มือถือพร้อมๆ กันมากกว่า 50 คน มีผู้บริหารระดับสูงทั้งจากบริษัท ปตท.นํ้ามันและการค้าปลีก (PTTOR), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง รวมทั้งอธิบดีกรมสรรพกร ซึ่งต่างร่วมประชุมมาจากสำนักงานของตัวเอง
โดยมีศูนย์กลางควบคุมการประชุม และผู้ดำเนินรายการอยู่ที่สำนักงานของ TIJ ซึ่งแอปพลิเคชันนี้จะมีเครื่องหมายให้ “ยกมือ” ขอพูด และผู้ที่ควบคุมโปรแกรมจะเป็นผู้อนุญาตให้พูดได้ด้วยการ “เปิดเสียง” ซึ่งอาจเปิดเสียงให้พูดพร้อมกันหลายๆคนก็ได้
แอปพลิเคชันนี้สามารถรองรับผู้เข้าร่วมพร้อมกันได้มากถึง 200 คน และยังแบ่งการประชุมออกเป็นกลุ่มย่อยพร้อมๆ กันได้อีกด้วย
ศ.พิเศษ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การประชุมที่สำคัญของหลายหน่วยงานต้องถูกยกเลิก หรือเลื่อนไปจากการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งงานของ TIJ ที่เรากำลังจะจัดงาน 10 ปี ข้อกำหนดกรุงเทพ เพื่อเชิญชวนภาครัฐและเอกชนมาช่วยเหลือผู้ก้าวพลาด ให้มีโอกาสในการเข้าทำงานเมื่อพ้นโทษ
ทาง TIJ จึงนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับองค์กรเครือข่ายทำให้สามารถประชุมร่วมกับหลายองค์กรที่สำคัญได้ โดยไม่ต้องมารวมตัวกัน ซึ่งจะทำให้งานที่สำคัญต่างๆ ดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง และยังเตรียมการให้วิธีการทำงานรูปแบบนี้เป็นแผนการปฏิบัติงานขององค์กร หากการระบาดของโควิด-19 อาจจะส่งผลต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในองค์กร ก็ยังสามารถประชุม หารือ ดำเนินงานต่างๆ ต่อไปได้ โดยไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงาน
จึงเห็นว่านี่เป็นทางเลือกหนึ่งที่องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนอาจมีเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อประยุกต์ใช้ จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ แม้อยู่ในภาวะวิกฤต และยังช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ และยังเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อได้ด้วย
