“จุรินทร์” ยันห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยตั้งแต่หลังออกประกาศ 5 ก.พ. มีเพียงหน้ากากชนิดพิเศษ หรือติดแบรนด์ขายเมืองนอกเท่านั้น ที่ได้รับอนุญาต ลั่นข้อมูลกรมศุลฯ 330 ตัน คลาดเคลื่อน เป็นการรวมสินค้าอื่น และไม่เกิน 5 ก.พ. เผยตัดสินใจถอนตัวร่วมรัฐบาลต้องคิดรอบคอบ หากชิ่งหนีตอนวิกฤตก็จะทำประเทศเสียหาย แต่ก็ไม่ใช่อยู่ด้วยตลอดโดยไม่สนถูกผิด สุดท้ายต้องขึ้นกับมติพรรค แง้มมีทางออกในใจแล้ว แต่ยังไม่ควรพูด
วันที่ 11 มี.ค. 63 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “เปิดใจ “จุรินทร์” จากปมหน้ากากหาย ถึง “พายเรือให้โจรนั่ง”? ปชป.ยังสบายดี?”
โดย นายจุรินทร์ ได้ชี้แจงถึงการให้ข้อมูลของกรมศุลฯที่ว่า ช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ. มีการส่งออกหน้ากากอนามัยมากถึง 330 ตัน ว่า เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ซึ่งกรมศุลฯก็ได้ชี้แจงภายหลังแล้วว่านับรวมสินค้าอื่นด้วย และนับตั้งแต่กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศควบคุมการส่งออกหน้ากากอนามัยตั้งแต่ 5 ก.พ. มีปริมาณการส่งออกน้อยมาก ซึ่งที่ส่งออกนี้ก็จะเป็นจำพวกหน้ากากพิเศษที่ใช้สำหรับกรณีอื่น หรือกรณีที่เป็นแบรนด์สำหรับส่งขายต่างประเทศ อีกทั้งคนอนุญาตส่งออกไม่ใช่ตน แต่เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน ซึ่งต้องมีคณะกรรมการพิจารณาร่วมด้วย ซึ่งตนมีนโยบายชัดเจน ส่วนจะมีการซิกแซกไหม ถ้ามีตนไม่เอาไว้ แต่โทร.ถามอธิบดีกรมการค้าภายในแล้ว ยืนยันว่า ไม่มี
จำนวน 330 ตัน มีคนในโซเชียลฯตั้งข้อสังเกตว่า ต้องใช้เวลาผลิตถึง 239 ปี สำหรับกำลังการผลิตที่มีอยู่ในประเทศไทย ตนยืนยันว่า นับจากมีมาตรการควบคุมการส่งออก 5 ก.พ.ไม่มีนโยบายให้ส่งออก ซึ่งก่อนประกาศห้ามส่งออกเขาทำได้ แต่หลังจากประกาศแล้วยังมีช่องว่างนิดนึง เดิมบอกว่าถ้าเกิน 500 ชิ้น ต้องขออนุญาต มันเลยมีการั่วไหล เช่น 490 ก็ไม่ขออนุญาต ตนเลยมาแก้ที่หลังว่าแม้แต่ 1 ชิ้น ก็ต้องขออนุญาต รวมถึงการบริจาคก็ต้องขออนุญาตด้วยเช่นกัน
เมื่อถามถึงเสียงเรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล นายจุรินทร์ กล่าวว่า การร่วมรัฐบาลหรือถอนตัว ประชาธิปัตย์มีกติกาชัดเจน ไม่มีใครทำนอกเหนือข้อบังคับพรรคได้ ต้องเป็นมติที่ประชุมร่วมระหว่าง ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตอนที่มาร่วมรัฐบาลก็ไม่ได้แปลว่าหัวหน้าพามา แต่เป็นมติร่วมกันในที่ประชุม
ยืนยันตนยังมีท่าทีชัดเจน สำหรับเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลยังไม่เปลี่ยนแปลง คือ 1. ต้องรับนโยบายประกันรายได้เกษตรกร แล้วก็สัมฤทธิ์ผลอย่างรวดเร็วภายใน 5 เดือน 2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลก็ยอมรับเงื่อนไขนี้ ตอนนี้ก็มีการตั้งกรรมกรรวิสามัญศึกษาการแก้รัฐธรรมนูญ 3. ความซื่อสัตย์สุจริต หากการคอร์รัปชันไม่ได้รับการแก้ไข ประชาธิปัตย์ก็ถือเป็นเงื่อนไขที่จะไม่ร่วมรัฐบาล ซึ่งวันนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ตอนลงมติไม่ไว้วางใจหรือลงมติไว้วางใจ ไม่ได้แปลว่าหัวหน้าพรรคตัดสินใจไม่ได้ แต่ประชาธิปัตย์ไม่เหมือนพรรคอื่น ที่หัวหน้าพรรคสั่งการได้หมด แต่ไม่ได้แปลว่าสั่งการไม่ได้แล้วไม่มีภาวะผู้นำ ตนยืนยันผมมีภาวะผู้นำ มีวุฒิภาวะ และรู้อะไรควรไม่ควร เราใช้เวลาหลายชั่วโมงในการประชุมกรณีลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ สุดท้ายที่ประชุมลงมติกัน เมื่อลงมติอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามนั้น สังคมประชาธิปไตยถ้าไม่ใช้เสียงข้างมากเป็นข้อยุติแล้วเราจะทำอย่างไร
การวิจารณ์ว่า พายเรือให้โจรนั่ง ตนขอไม่ให้ความเห็นว่าเป็นอย่างไร ต้องระมัดระวังเหมือนกัน มันมีผลกระทบกระเทือนในบางเรื่อง การอยู่ร่วมกันในพรรคร่วมต้องทำงานร่วมกัน ไม่ได้ใครคนใดคนหนึ่งพามาลงเรือนี้ แต่เป็นมติพรรค แต่ไม่ได้หมายความว่า จะอยู่ตลอดไปไม่ว่าถูกหรือผิด แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านตนไม่กังวล แต่การตัดสินใจอะไรต้องมีเหตุผลอธิบายได้ คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม และต้องมีวุฒิภาวะด้วย
ตนฟังกระแสสังคมภายนอก และฟังทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชน แต่ความเห็นมีสองด้านเสมอ ฉะนั้น ต้องชั่งน้ำหนักว่าสุดท้ายเป็นอย่างไร ขณะที่เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมื่อถึงเวลาตัดสินใจจะไม่กังวล แต่ขอให้ถึงเวลาต้องตัดสินใจ
ส่วนการที่บอกว่ารัฐบาลอยู่อีกไม่นาน ถอนตัวแบบหล่อๆ เถอะ นายจุรินทร์ กล่าวว่า บางครั้งก็มีสองด้าน ทิ้งรัฐบาลอาจไม่หล่อก็ได้ คนก็เห็นว่าเราคบไม่ได้ เวลาสุขร่วมกัน ทุกข์ถีบหัวเรือหนี ถึงต้องพิจารณารอบคอบ ถ้ารัฐบาลพังเพราะมือเราโดยไม่มีเหตุผลสมควร ทำสังคม เศรษฐกิจพัง สุดท้ายเราต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบมากที่สุดก็ได้ จึงต้องคิดให้รอบคอบ ไม่ใช่คิดแค่ผลประโยชน์ของพรรค ทั้งหมดมันอยู่ที่วุฒิภาวะด้วย ซึ่งตนมีทางออกในใจแล้ว แต่บางเรื่องควรพูดไม่ควรพูด