MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7
(สรุปข่าวประจำวันที่ 1 - 7 มี.ค. 2563)
อันดับ 1 : "ผีน้อย" กลับจากเกาหลี ไร้สำนึกอาละวาดทั่วไทย ทำร้านค้าปิดระนาว-ขาดรายได้-ถูกพักงาน
สถานการณ์โรคโควิด-19 ณ วันที่ 7 มี.ค. 2563 พบว่ามีผู้ติดเชื้อทั่วโลก 102,257 ราย เสียชีวิต 3,497 ราย รักษาหายแล้ว 57,660 ราย สำหรับประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ 50 ราย เสียชีวิตรายแรกเมื่อวันที่ 1 มี.ค. เป็นชายวัย 35 ปี พนักงานพีซีในห้างคิงเพาเวอร์ สาขาศรีวารี สัมผัสชาวจีน ป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้วติดเชื้อ ต่อมารักษาโควิด-19 หายดี แต่เชื้อทำลายปอด สุดท้ายอวัยวะล้มเหลว ด้านกระทรวงสาธารณสุขประกาศเมื่อวันที่ 5 มี.ค. ให้ประเทศเกาหลีใต้ จีน (รวมฮ่องกงและมาเก๊า) อิตาลี และอิหร่าน เป็นเขตโรคติดต่ออันตราย เพื่อป้องกันและควบคุมโรค
ส่วนแรงงานไทยที่ลักลอบไปทำงานในประเทศเกาหลีใต้โดยผิดกฎหมาย ซึ่งเรียกตนเองว่า "ผีน้อย" ตัดสินใจรายงานตัวกับตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้เพื่อขอกลับไทยกว่า 5,000 คน หลังโรคโควิด-19 ระบาด โดยเฉพาะเมืองแทกูและคยองซังมีผู้ติดเชื้อมากที่สุด แม้ทางการไทยจะขอความร่วมมือกักตัวเอง 14 วัน ปรากฎว่ามีผีน้อยใช้ชีวิตปะปนกับคนปกติและเช็กอินผ่านโซเชียล ทำผู้คนหวาดผวา ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สถานบันเทิงต้องปิดร้านเพื่อทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค และสั่งพักงานพนักงานเพื่อสังเกตอาการ ต้องขาดรายได้เพราะผีน้อยเห็นแก่ตัว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มี.ค. มีผีน้อยประมาณ 200 คน เดินทางกลับจากเกาหลีใต้มายังประเทศไทย แม้จะถูกคัดกรองที่สนามบินทั้งหมด ปรากฎว่ามีผีน้อยประมาณ 80 คน ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ หนีจากการถูกกักกันตัวไว้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข จึงสั่งการให้กรมควบคุมโรค เร่งตรวจสอบรายชื่อข้อมูลผู้ที่เดินทางมาว่าใครหลบหนีไปได้บ้าง เพื่อนำตัวกลับมากักกันโรคและดำเนินคดี ส่วนอีก 59 คน นำตัวมากักกันที่กิจการอาคารรับรองสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อเฝ้าดูอาการ 14 วัน เช่นเดียวกับคนไทยที่มาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนก่อนหน้านี้
อันดับ 2 : รัฐบ้อท้า! "หน้ากากอนามัย" หมอ-พยาบาลไม่มีใช้ "จุรินทร์" ไร้น้ำยาได้แค่ "รถแห่ธงฟ้า"
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ไทยประสบปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ร้านขายยาทุกแห่งไม่มีจำหน่าย เช่นเดียวกับแอลกอฮอล์และเจลล้างมือ ขณะที่ในโลกโซเชียลพบว่าขายหน้ากากออนไลน์ราคาสูงเกินจริง แถมมีมิจฉาชีพหลอกขายหน้ากากอนามัยมือสอง อีกด้านแพทย์และพยาบาลได้รับผลกระทบ สมาคมโรงพยาบาลเอกชนออกแถลงการณ์ว่าขาดหน้ากากอนามัยขั้นวิกฤต ด้านโรงพยาบาลวชิรพยาบาลติดประกาศหน้าห้องผ่าตัดให้นำหน้ากากผ้าส่วนตัวที่ได้รับแจกมาใช้ ส่วนโรงพยาบาลรามาธิบดีต้องขอรับบริจาค
ขณะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไร้น้ำยาในการจัดการปัญหา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข แจกหน้ากากอนามัยคนละ 3 ชิ้น ไกลถึงกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ สั่งให้นำหน้ากากอนามัยจากโรงงานทั้งหมดมารวมกัน ส่วนหนึ่งแบ่งให้โรงพยาบาล อีกส่วนหนึ่งจัดรถธงฟ้าจำหน่ายแพ็คละ 4 ชิ้น ส่วนรัฐบาลเปิดบัญชีรับบริจาคสนับสนุนการแก้ปัญหาโรคโควิด-19 ถูกโลกออนไลน์ประนามว่าเป็นรัฐบาลขอทาน เพราะก่อนหน้านี้ไปประกาศแจกเงิน 2,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจ
อันดับ 3 : "ผู้พิพากษา" คนดังยิงตัวตาย ถูกตั้งกรรมการสอบวินัย ปมยิงคาบัลลังก์ในศาลยะลา
นายคณากร เพียรชนะ อายุ 49 ปี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลา ปัจจุบันช่วยงานชั่วคราวที่กองผู้ช่วยผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ ตัดสินใจใช้ปืนขนาด 9 มม. ยิงตัวตายที่บ้านพัก ในหมู่บ้านกาญจกนก 2 ถนนวงแหวนรอบสาม ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เมื่อเช้าวันที่ 7 มี.ค. หลังเขียนจดหมายลาตาย ระบุว่าถูกตั้งกรรมการสอบวินัยและดำเนินคดีอาญา เชื่อว่าต้องถูกลงโทษออกจากราชการ ทำให้รับสภาพร่างกายและจิตใจไม่ไหว พร้อมฝากคนที่เมตตาให้ทุนการศึกษาลูกผ่านบัญชีธนาคารของตนอีกด้วย
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2562 นายคณากรเคยก่อเหตุยิงตัวเองบาดเจ็บสาหัสที่ศาลจังหวัดยะลา ระหว่างพิพากษาผู้ต้องหา 5 คน ในคดีความมั่นคงแล้วพิพากษายกฟ้อง โดยอ้างว่าถูกกดดันในคดี ถูกผู้ใหญ่แทรกแซงคำพิพากษาที่ตนเป็นเจ้าของสำนวน ในคำแถลง 25 หน้าสำหรับศาลใช้ เรียกร้องให้แก้ไขพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ห้ามตรวจร่างคำพิพากษาก่อนอ่านให้คู่ความฟัง ห้ามแทรกแซงผลคำพิพากษา และขอรัฐบาลกับฝ่ายนิติบัญญัติให้ความเป็นธรรมทางการเงินแก่ผู้พิพากษาทั่วประเทศ คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน
อันดับ 4 : จวกยับนิสิตจุฬาฯ อ้างเสรีภาพชัก "ธงดำ" ขึ้นเสา ที่แท้แกนนำ "วิ่งไล่ลุง" แห่แจ้งความจับ
หลังศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคอนาคตใหม่ นิสิต นักศึกษา ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาล แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมากระแสแฟลชม็อบแผ่วลง ในโลกออนไลน์ประนามคลิปพฤติกรรมนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรายหนึ่ง บุกเข้าไปที่เสาธงหน้าคณะอักษรศาสตร์ เพื่อนำผ้าสีดำขึ้นเสา แม้ รปภ.จะเข้ามาห้ามก็ส่งเสียงกรีดร้อง โวยวายกลับไปว่าเป็นการแสดงสิทธิเสรีภาพ ต้องการไว้อาลัยให้กับกระบวนการยุติธรรม ทำเอาบรรดาศิษย์เก่าทนไม่ไหว เข้าพบ ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาฯ เพื่อหารือ
สำหรับนิสิตคนดังกล่าวคือ น.ส.สิรินทร์ มุ่งเจริญ (เฟลอ) นิสิตคณะอักษรศาสตร์ รองประธานสภานิสิต คนที่ 2 และแกนนำจัดกิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" ร่วมกับนายธนวัฒน์ วงค์ไชย (บอล) ประธานยุทธศาสตร์ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ภายหลัง "กลุ่มจุฬาฯ รวมพล" ชี้แจงว่า ไม่ได้ชักธงดำขึ้นเสา แต่ผูกธงสีดำหลังนำธงชาติไทยลงจากเสาเมื่อเวลา 18.00 น. และเตรียมฟ้องกลับ รปภ. ที่ถ่ายคลิปดังกล่าว ถึงกระนั้น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น และ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม เข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว
อันดับ 5 : ซ้ำซาก! วินมอเตอร์ไซค์ตื๊บแกร็บไบค์ เข้าไปรับผู้โดยสาร กรรมการ 4 ฝ่ายไม่กล้ายึดเสื้อวิน
ปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะ (วินมอเตอร์ไซค์) กับผู้ขับขี่แกร็บไบค์ยังคงเกิดขึ้นไม่หยุด ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มี.ค. มีการเผยแพร่วีดีโอคลิปบรรดาวินมอเตอร์ไซค์รวมทำร้ายร่างกายแกร็บไบค์ ที่หน้าคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ปากซอยสุขุมวิท 48 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ระหว่างแกร็บไบค์เข้าไปรับผู้โดยสาร ต่อมาผู้ขับขี่แกร็บไบค์และผู้โดยสารเข้าแจ้งความกับ สน.คลองตัน เพื่อให้ดำเนินคดี ก่อนที่ตำรวจจะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ 3 คน แจ้งข้อหาและเปรียบเทียบปรับคนละ 1,000 บาท
ด้านกรุงเทพมหานคร เชิญคณะอนุกรรมการ 4 ฝ่ายประจำพื้นที่เขตคลองเตย ได้แก่ ผู้อำนวยการเขตคลองเตย เทศกิจ กรมการขนส่งทางบก และตำรวจ สน.คลองตันมาหารือเพื่อพิจารณายึดเสื้อวินผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ปรากฎว่าประชุมนานกว่า 5 ชั่วโมงไม่มีข้อสรุป อ้างว่ามีความผิดทั้งสองฝ่าย ขณะที่นายเฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย เข้าไปชี้แจง อ้างว่าแกร็บไบค์ให้ของลับแก่วินก่อน และไม่มีมารยาทที่เข้ามารับผู้โดยสารตัดหน้าผู้อื่น พร้อมเสนอให้แก้กฎหมายโดยให้ภาครัฐดูแลแอปพลิเคชันบริการเรียกรถแทน
อันดับ 6 : รวบยกแก๊ง! 4 หนุ่มจีนฆ่ายัดกระเป๋าหนุ่ม-สาวร่วมชาติ ทิ้งลงแม่น้ำปิง ขัดแย้งเรื่องหนี้สิน
คดีฆาตกรรมชาวต่างชาติยัดกระเป๋าทิ้งศพลงแม่น้ำครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา เด็กที่ไปเล่นน้ำพบศพชายรายหนึ่งถูกฆ่ายัดกระเป๋าเดินทาง ติดอยู่ที่เกาะกลางแม่น้ำปิง ต.ลานดอกไม้ อ.เมืองฯ จ.กำแพงเพชร ทราบชื่อภายหลังคือ นายจุน หวาง อายุ 30 ปี สัญชาติจีน เดินทางเข้าไทยผ่านสนามบินอู่ตะเภา เมื่อ 12 ก.พ. ถูกฆ่าพร้อมกับ น.ส.บิง ซู อายุ 25 ปี สัญชาติจีน ที่บ้านพักในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ก่อนยัดใส่กระเป๋า ขนรถตู้ที่เช่ามา ลงไปทิ้งที่สะพานลานดอกไม้ จ.กำแพงเพชร และทิ้งกระเป๋าสัมภาระในป่าบริเวณด่านห้วยยะอุ อ.แม่สอด จ.ตาก
ต่อมาตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหา 4 คน พร้อมประสานทางการพม่า จับกุม นายฉิน เหมี่ยว และนายฟ่าน กังกัง เมื่อวันที่ 3 มี.ค.ที่นครย่างกุ้ง ขณะไปลงเรือเพื่อหนีไปประเทศมาเลเซีย สารภาพว่าลงมือฆ่านายจุน หวาง และ น.ส.บิง ซู เพราะขัดแย้งเรื่องหนี้สินจากการทำธุรกิจ ต่อมาวันที่ 5 มี.ค. จับกุมนายหู เจิ้งฉง และนายเชียว เชี่ยงหยูว ที่เมืองเชียงตุง ขณะนั่งเครื่องบินมาลงที่สนามบินท่าขี้เหล็ก แล้วต่อรถเพื่อเข้าประเทศจีน ทำหน้าที่นำศพยัดใส่กระเป๋าและเช็ดถูคราบเลือด อีกด้านตำรวจกำลังค้นหากระเป๋าที่ยัดศพ น.ส.บิง ซู ที่จนถึงขณะนี้ยังหากระเป๋าไม่พบ
อันดับ 7 : แม่พิมพ์ของชาติ! ครูกะเทยอนาจาร "ปั่นกระปู๋" นักเรียน ม.3 แลกเกรดภาษาอังกฤษยกห้อง
เรื่องฉาวสนั่นวงการศึกษาในสัปดาห์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ในโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพครูโรงเรียนชื่อดังใน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ล้วงและลูบคลำอวัยวะเพศนักเรียนชายชั้น ม.3 เพื่อแลกกับการแลกเกรดที่ติด 0 กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นครูชำนาญการระดับ 7 สอนวิชาภาษาอังกฤษมากว่า 10 ปี มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ วันเกิดเหตุไล่ให้นักเรียนหญิงออกจากห้อง เหลือแต่นักเรียนชาย จากนั้นปิดประตูห้อง เรียกเข้าไปหาที่โต๊ะครูทีละคน ล้วงเข้าไปจับและลูบคลำอวัยวะเพศ รวม 20 คน แต่ไม่ถึงกับสำเร็จความใคร่
หลังเกิดเรื่อง นักเรียนชายชั้น ม.3 รวมกลุ่มกันประมาณ 20 คน ร้องเรียนกับผู้อำนวยการโรงเรียน (ผอ.) เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ก่อนที่ ผอ.จะสั่งตั้งคณะกรรมการสอบ ขณะที่ครูคนดังกล่าวหลังมีเรื่องอื้อฉาวกลับไม่มาสอนหนังสือ แม้ ผอ.จะสั่งให้มาพบเพื่อชี้แจงแต่ก็ติดต่อไม่ได้ ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เขต 9 ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และให้ออกจากราชการไว้ก่อน รวมทั้งสั่งพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ส่วนคดีอาญาให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ โดยตำรวจภูธรภาค 7 สั่งตรวจสอบและเอาผิดผู้ก่อเหตุแล้ว