ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ หัวหน้าสาขาวิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความวอนเห็นใจทีมแพทย์หลังโดนกลุ่มคนลักลอบหยิบกล่องใส่หน้ากากอนามัยภายในโรงพยาบาล เผยแค่นี้ก็เสี่ยงมากอยู่แล้ว
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ หัวหน้าสาขาวิชาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Pravit Asawanonda” ระบุว่า
“อย่าขโมยมาสก์จากห้องตรวจตามโรงพยาบาลเลยนะครับ พวกผมเสี่ยงมากอยู่แล้ว T T หยิบไปทั้งกล่อง จะเหลืออะไรครับ”
เนื่องจากในปัจจุบันไวรัสโควิด-19 กำลังระบาดอย่างหนัก ประกอบกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทย อีกทั้งยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากต่างกักตุนหน้ากากอนามัยทำให้เกิดปัญหาหน้ากากขาดแคลน แม้กระทั่งหมอหรือพยาบาลตามโรงพยาบาลยังมีใช้ไม่พอ โรงพยาบาลบางแห่งหน้ากากอนามัยหมดแล้วก็มี
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการกักตุนสินค้าหน้ากากอนามัยและการจำหน่ายเกินราคา หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันวิธีปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิค-19 และสถานการณ์ต่างๆ ส่งผลให้ปัจจุบันมีความต้องการหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นจาก 30 ล้านชิ้นต่อเดือน สูงขึ้นถึง 5 เท่าตัว ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้า อันนำไปสู่การแสวงหากำไรเกินสมควร และทำให้ตลาดเกิดความปั่นป่วน กระทรวงพาณิชย์เตรียมออกกฎหมายเพิ่มเติม นำเสนอต่อคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ เพื่อให้มีการออกประกาศกำหนดให้ผู้ที่ถือครองสินค้ามากเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ถือเป็นการกักตุนสินค้า มีความผิดตามมาตรา 30 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท ซึ่งมีโทษเท่ากับการจำหน่ายหน้ากากอนามัยราคาสูงเกินควร ส่วนผู้จำหน่ายที่ไม่ติดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท จึงขอความร่วมมือประชาช หากพบพฤติกรรมผู้ต้องสงสัยให้แจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน เพื่อตรวจสอบและดำเนินคดี โดยจะเก็บข้อมูลของผู้แจ้งเป็นความลับ
