และแล้ว ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ประจำฤดูกาล 2019-2020 ก็กลับมาบรรเลงแข้งกันอีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายไปเป็นเวลาพอสมควร โดยการกลับมาคราวนี้ อย่างที่แฟนบอลอย่างเราๆ ทราบกันว่า รอบ 16 ทีมสุดท้าย จะยิ่งความเข้มข้นเป็นทวีคูณ ซึ่งผลการแข่งขันใน 2 คู่แรก ก็เพิ่มความมันส์ซะแล้ว โดยเฉพาะการเอาชนะ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล แชมป้ก่าจากปีก่อน ของ พลพรรค ‘ตราหมี’ แอตเลติโก มาดริด ด้วยสกอร์ 1-0 จากการทำประตูชัยของ “ซาอูล ญีเกซ” มิดฟิลด์ห้องเครื่องทีมชาติสเปน นั่นเอง...
สำหรับกองกลางชาวเอลเช่นั้น เริ่มเส้นทางลูกหนังของตนเอง ที่ทีมเรอัล มาดริด ตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2008 ก่อนที่จะย้ายข้ามฟากมาที่ฝั่งแอตเลติโก พร้อมกับสั่งสมประสบการณ์ จนถึงปี 2010 หลังจากนั้น เขาก็ได้รับการผลักดันให้อยู่ในทีมสำรอง หรือ ทีมบี ของสโมสร ลงทำศึก เซกุนดา ดิวิชั่น บี ในเวลาต่อมา จนกระทั่งได้รับโอกาสให้ลงสนามอย่างเป็นทางการในเกมที่พบกับ เบซิคตัส ในศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีค เมื่อปี 2012 ในวัย 17 ปี 108 วัน
แม้ว่าในปี 2014 ซาอูล จะย้ายไปเล่นให้กับ ราโย บาเยกาโน่ ด้วยสัญญายืมตัว แต่นั่นก็ถือว่าเป็นผลดีให้กับตัวเขา เพราะนั่นก็เพิ่มทักษะให้กับตนเองให้มีระดับไปอีกขั้น ซึ่งพอกลับมาสู่ ‘ทีมตราหมี’ เขาก็เป็นกองกลางที่ขาดไม่ได้สำหรับทีม จนกลายเป็นนักเตะตัวหลักให้กับทีม และนับถึงตอนนี้ เขาก็ลงสนามให้กับทีมไปกว่า 300 เกม เข้าไปแล้ว พร้อมกับติดทีมชาติสเปน ไป 19 เกม เช่นกัน
ด้วยสไตล์การเล่นที่มีความหลากหลายในแผงมิดฟิลด์ เรียกว่าจะเล่นตำแหน่งไหนก็ได้ ในขณะเดียวกัน นักข่าวจากแดนกระทิงดุ ก็ได้แสดงทรรศนะว่า การเล่นของเขาในสนามนั้น พลันให้นึกถึงการเล่นของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ในสมัยเป็นนักเตะ ซึ่งเป็นเฮดโค้ชของเขาในปัจจุบัน ยังไงอย่างงั้น ขณะเดียวกัน เขาก็เป็นผู้เล่นที่จะเคลื่อนลูกบอลไปข้างหน้าแบบมีเป้าหมาย อีกทั้งยังมีความสุขุม เยือกเย็น แถมมีจังหวะที่มีความเฉียบคมและเด็ดขาด และด้วยศักยภาพที่มีของนักเตะวัยเบญจเพศรายนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ต่างก็อยากจะได้ลายเซ็นเขามาครอบครองกันอย่างเต็มที่นัก
เช่นเดียวกัน ด้วยประตูชัยที่เขาทำได้ในเกมนี้ นอกจากจะสร้างความเป็นต่อให้กับทีม ที่จะพบกันในเกมที่สองแล้ว อีกนัยหนึ่งก็ทำให้โลกฟุตบอลมีความสงบสุขอีกครั้ง เพราะว่าเขาเป็นคนหยุดสถิติไม่แพ้ติดต่อกันของทีม ‘หงส์แดง’ ไว้ที่ 14 เกมด้วยเช่นกัน ว่าแล้วก็ขอเฉลิมฉลองซักนิดหน่อยละกัน ขออนุญาต เหล่า “เดอะ ค็อป” ด้วยนะครับผม
สำหรับกองกลางชาวเอลเช่นั้น เริ่มเส้นทางลูกหนังของตนเอง ที่ทีมเรอัล มาดริด ตั้งแต่ปี 2006 ถึง 2008 ก่อนที่จะย้ายข้ามฟากมาที่ฝั่งแอตเลติโก พร้อมกับสั่งสมประสบการณ์ จนถึงปี 2010 หลังจากนั้น เขาก็ได้รับการผลักดันให้อยู่ในทีมสำรอง หรือ ทีมบี ของสโมสร ลงทำศึก เซกุนดา ดิวิชั่น บี ในเวลาต่อมา จนกระทั่งได้รับโอกาสให้ลงสนามอย่างเป็นทางการในเกมที่พบกับ เบซิคตัส ในศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีค เมื่อปี 2012 ในวัย 17 ปี 108 วัน
แม้ว่าในปี 2014 ซาอูล จะย้ายไปเล่นให้กับ ราโย บาเยกาโน่ ด้วยสัญญายืมตัว แต่นั่นก็ถือว่าเป็นผลดีให้กับตัวเขา เพราะนั่นก็เพิ่มทักษะให้กับตนเองให้มีระดับไปอีกขั้น ซึ่งพอกลับมาสู่ ‘ทีมตราหมี’ เขาก็เป็นกองกลางที่ขาดไม่ได้สำหรับทีม จนกลายเป็นนักเตะตัวหลักให้กับทีม และนับถึงตอนนี้ เขาก็ลงสนามให้กับทีมไปกว่า 300 เกม เข้าไปแล้ว พร้อมกับติดทีมชาติสเปน ไป 19 เกม เช่นกัน
ด้วยสไตล์การเล่นที่มีความหลากหลายในแผงมิดฟิลด์ เรียกว่าจะเล่นตำแหน่งไหนก็ได้ ในขณะเดียวกัน นักข่าวจากแดนกระทิงดุ ก็ได้แสดงทรรศนะว่า การเล่นของเขาในสนามนั้น พลันให้นึกถึงการเล่นของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ในสมัยเป็นนักเตะ ซึ่งเป็นเฮดโค้ชของเขาในปัจจุบัน ยังไงอย่างงั้น ขณะเดียวกัน เขาก็เป็นผู้เล่นที่จะเคลื่อนลูกบอลไปข้างหน้าแบบมีเป้าหมาย อีกทั้งยังมีความสุขุม เยือกเย็น แถมมีจังหวะที่มีความเฉียบคมและเด็ดขาด และด้วยศักยภาพที่มีของนักเตะวัยเบญจเพศรายนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรป ต่างก็อยากจะได้ลายเซ็นเขามาครอบครองกันอย่างเต็มที่นัก
เช่นเดียวกัน ด้วยประตูชัยที่เขาทำได้ในเกมนี้ นอกจากจะสร้างความเป็นต่อให้กับทีม ที่จะพบกันในเกมที่สองแล้ว อีกนัยหนึ่งก็ทำให้โลกฟุตบอลมีความสงบสุขอีกครั้ง เพราะว่าเขาเป็นคนหยุดสถิติไม่แพ้ติดต่อกันของทีม ‘หงส์แดง’ ไว้ที่ 14 เกมด้วยเช่นกัน ว่าแล้วก็ขอเฉลิมฉลองซักนิดหน่อยละกัน ขออนุญาต เหล่า “เดอะ ค็อป” ด้วยนะครับผม