สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เผยตัวเลข “อดีตรองผู้จัดการสมาคมฯ” ยักยอกทรัพย์ หลังจัดทำงบการเงินย้อนหลัง 2 ปี พบความเสียหายสูงถึง 30 ล้าน มีทั้งเติมตัวเลขด้านหน้าใบเบิกธนาคาร 42 ครั้ง รวม 24 ล้าน เบิกซ้ำ-เบิกเกิน 2.3 ล้าน แถมยกยอดเบิกเงินไว้ปีก่อนอีก 1.5 ล้าน เตรียมส่งตัวผู้ต้องหาให้อัยการฟ้องศาล
จากกรณีที่ผู้บริหารสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ตรวจสอบพบอดีตรองผู้จัดการสมาคมฯ และผู้จัดการฝ่ายบัญชีสมาคมฯ ได้กระทำความผิดอาญาฐานลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสารเพื่อเบียดบังเอาเงินในบัญชีเงินฝากของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจไปโดยทุจริต ได้เรียกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว รวมถึงเจ้าหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินของสมาคมฯ มาสอบถาม พบว่าอดีตรองผู้จัดการสมาคมฯ ยอมรับสารภาพว่าได้กระทำการปลอมเอกสารเพื่อเบิกเงินออกมาจากบัญชีเงินฝากของสมาคมฯ และยักยอกเงินดังกล่าวไปโดยทุจริตจริง โดยเป็นการกระทำหลายกรรมหลายวาระ จึงดำเนินการตรวจสอบยอดความเสียหายทั้งหมด และมอบหมายให้คณะกรรมการฯ ชุดปี 2561 ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2562 เพื่อดำเนินคดีอาญาและเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งทั้งหมด พร้อมออกคำสั่งไล่อดีตรองผู้จัดการสมาคมฯ ออกจากการเป็นลูกจ้าง ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ความเสียหายประมาณ 17 ล้านบาท
วันนี้ (13 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า คณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ทำหนังสือชี้แจงสมาชิกว่า ตามที่คณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจได้ว่าจ้างบริษัท เอ็นแอนด์เค จำกัด จัดทำงบการเงินย้อนหลัง 2 ปี รวมทั้งปีปัจจุบัน (2560-2562 ที่ยังไม่มีการปิดงบฯ) ทั้งนี้ เพื่อนำไปยื่นภาษีต่อกรมสรรพากร และกรมการปกครอง โดยบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2562 ต่อมา บริษัท เอ็นแอนด์เคฯ ได้จัดทำรายงานการตรวจสอบบัญชีเบื้องต้นมาเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมฯ ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 ตรวจพบอดีตรองผู้จัดการฯ กระทำการทุจริต ยักยอก ลักทรัพย์ของสมาคมฯ เพิ่มเติมอีกประมาณ 13 ล้านบาท จากเดิมที่สมาคมฯ เคยร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนไปแล้ว ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 17 ล้านบาท รวมความเสียหายปัจจุบันจำนวนประมาณ 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยอดความเสียหายที่ตรวจพบเพิ่มเติมเป็นยอดประมาณ 30 ล้านบาท ตามที่กล่าวข้างต้นนั้น ทางบริษัท เอ็นแอนด์เคฯ ได้ตรวจพบว่าแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มเติมตัวเลขด้านหน้า ใบเบิกเงินกับธนาคาร จำนวน 42 ครั้ง เป็นวงเงิน 24,696,140 บาท 2. กลุ่มเบิกซ้ำเบิกเกิน จำนวน 2,387,779 บาท โดยตัวอย่างการเบิกซ้ำ การเบิกเงินค่าออแกไนท์งานสัมมนาใหญ่ ได้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนเต็มไปแล้ว จำนวน 500,000 บาท มีการเบิกเงินค่ามัดจำวนมาเบิกค่าใช้จ่ายซ้ำอีกรอบ เป็นจำนวนเงิน 165,650 บาท ฯลฯ และตัวอย่างการเบิกเกิน ค่า ภ.ง.ด.55 ปี 2559 เบิกเงินจำนวน 448,534.48 บาท มีการตรวจพบใบเสร็จ ภ.ง.ด.55 ยอด 5,785.11 บาท ฯลฯ
3. กลุ่มยอดยกมาจาการเบิกเงินไว้แล้วปีก่อน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าเงินเดือน โอที ประกันสังคม จำนวน 1,557,586.90 บาท จากการตรวจพบการกระทำความผิดเพิ่มเติมตามที่กล่าวข้างต้นนั้น คณะกรรมการสมาคมฯ มิอาจเพิกเฉยได้ จึงดำเนินการเชิญอดีตนายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ พร้อมด้วยบริษัทบัญชีและที่ปรึกษากฎหมาย เข้าหารือและขอคำแนะนำ โดยในที่ประชุมมีมติให้ฟ้องร้อง กล่าวโทษ ร้องทุกข์ เพิ่มเติมต่อไป ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่ออดีตรองผู้จัดการฯ ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดีพร้อมส่งตัวผู้ต้องหาไปให้อัยการเพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป