xs
xsm
sm
md
lg

ตร.สรุปส่งฟ้อง “ผอ.กอล์ฟ” ฆ่าชิงทอง 9 ข้อหา ย้ำก่อเหตุอุกฉกรรจ์ไม่เกรงกลัว กม.ต้องประหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ตร.สรุปสำนวนส่งอัยการ เห็นควรฟ้อง “ผอ.กอล์ฟ” ฆ่าชิงทอง 9 ข้อหาหนัก โทษถึงประหาร คาดฟ้องศาลได้ก่อนฝากขังครั้งที่ 3 รองผู้การฯ ปราบปราม เผย พยานหลักฐานแน่นหนา แม้ขาดท่อเก็บเสียงปืน ข้อเท็จจริงสอดคล้องตามคำรับสารภาพ คำบรรยายฟ้องระบุเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ จำเลยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ให้ศาลลงโทษสถานหนัก




วันนี้ (11 ก.พ.) ที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา, นายพรชัย ชลวานิชกุล รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา, นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาทโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 และ พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ รอง ผบก.ป. แถลงข่าวส่งมอบสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้อง นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ กอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ห้างทองออโรร่า สาขาห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี ซึ่งสำนวนคดีมีจำนวน 4 แฟ้ม เป็นเอกสาร 1,665 หน้า และแผ่นซีดีภาพวงจรปิด

นายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงข้อหาที่พนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้อง 9 ข้อหา ประกอบด้วย 1. ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ 2. พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น 3. ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธและใช้ยานพาหนะเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส 4. ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน 5. พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและโดยไม่ได้รับอนุญาต 6. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 7. มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ 8. ใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและฐานชิงทรัพย์ 9. มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนคณะทำงานมีนายพรชัย ชลวาณิชกุล รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เป็นผู้ควบคุมการดำเนินคดีและตั้งคณะทำงาน โดยให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 ซึ่งมี นายเชาว์ บุญฤทธิ์ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6, ว่าที่ร้อยโท ประเวช รุ่งเจริญทอง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ, นายเกรียงศักดิ์ สิงห์คำ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด, น.ส.จุฑามาศ รัตนาธรรมวัฒน์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด และ นายนัทธี อินทรัตน์ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นคณะทำงานและรับผิดชอบดำเนินคดี

นายสิงห์ชัย อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า คดีนี้เหตุเกิดที่ จ.ลพบุรี เป็นคดีสำคัญ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้กองปราบปรามสอบสวน เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงส่งมาที่สำนักงานคดีอาญา เป็นคดีสะเทือนขวัญ สื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจ เมื่อสำนักงานคดีอาญารับสำนวนแล้ว ตามระเบียบต้องรายงานให้ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ทราบ หลังจากนั้นสำนักงานคดีอาญาตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีนี้ มอบหมายให้นายพรชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ส่วนสำนวนการสอบสวนจะมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 รับผิดชอบ สำนวนนี้จะครบฝากขังครั้งที่ 2 ในวันที่ 15 ก.พ. 2563 เมื่อคณะทำงานพิจารณาสำนวนเรียบร้อยแล้วไม่มีประเด็นสอบสวนเพิ่มเติม ทางอัยการสูงสุดมอบหมายนโยบายให้เร่งรีบดำเนินการส่งฟ้องศาลโดยเร็วที่สุด

นายพรชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีสำคัญ อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน ตนมีโอกาสได้ทำคดีสำคัญหลายคดี คณะทำงานฝ่ายคดีอาญา 6 เคยทำหลายคดี โดยเฉพาะคดีที่ซับซ้อนกว่านี้ เช่น คดีอาเธอร์ ชาวสเปน ฆ่าหั่นศพเพื่อนชาวสเปน ไม่มีประจักษ์พยานแม้แต่ปากเดียว แต่คณะทำงานก็สามารถทำคดีให้ศาลลงโทษประหารชีวิตจำเลยได้ทั้งศาลชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา ใช้คณะทำงานชุดเดิม มั่นใจว่า มีความรู้ความสามารถ ทำคดีนี้ให้รวดเร็ว สามารถฝากขังได้ 7 ครั้ง ดูพยานหลักฐานไม่ยุ่งยาก ไม่เกินฝากขังครั้งที่ 3 น่าจะฟ้องได้

ขณะที่ พล.ต.ท.วิสณุ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เผยว่า คดีนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จะมาเอง แต่ติดภารกิจสำคัญ จึงมอบหมายให้ตนและคณะพนักงานสอบสวนที่ ตร. ตั้งขึ้นมา ซึ่งเราสรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา มี พ.ต.อ.สมควร เป็นผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้

ด้าน พ.ต.อ.สมควร รอง ผบก.ป. ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงของกลางที่ยึดได้ว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา สามารถยึดทองรูปพรรณได้เกือบทั้งหมด คือ ทองคำ 31 เส้น (มูลค่าราว 650,515 บาท) ขาดเพียงทอง 2 สลึง 1 เส้น มูลค่า 13,000 กว่าบาท ส่วนไซเลนเซอร์ (ท่อเก็บเสียง) ผู้ต้องหาโยนทิ้งแม่น้ำที่ลพบุรี เจ้าหน้าที่ค้นหาแล้วแต่ไม่ได้มาเป็นของกลาง แต่เรามีพยานหลักฐานอื่นแน่นหนา เพียงพอที่จะยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำความผิด ผู้ต้องหากระทำผิดโดยลำพัง วางแผนเป็นขั้นตอน เล่าเรื่องหลอกภรรยา คนใกล้ชิด และทิ้งโทรศัพท์ไว้ที่บ้านตัวเอง การพิสูจน์ทราบตามที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่ผู้ต้องหาพูดทั้งหมด ได้สอบสวนพยานผู้กล่าวหา 9 ปาก ผู้ต้องหา 1 ปาก และพยานบุคคลอื่นรวม 80 ปาก ประกอบพยานหลักฐานอาวุธปืน รถของกลาง และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่าพยานหลักฐานเพียงพอทุกข้อกล่าวหา

ส่วนผู้เสียหายที่ต้องการติดต่อเข้าเป็นโจทก์ร่วมนั้น นายพรชัย ระบุว่า ผู้เสียหายสามารถติดต่อผ่านอัยการจังหวัดลพบุรี หรือประสานโดยตรงที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 6 จะสะดวกกว่า แต่หากไม่สะดวกจริงๆ ก็สามารถติดต่อผ่านอัยการจังหวัดได้ ทั้งนี้ นายประยุทธ กล่าวเสริมว่า ญาติผู้เสียหายไม่ต้องไปจ้างทนายความ ให้รวบรวมข้อมูลค่าเสียหายมาให้สำนักงานอัยการรวบรวมเพื่อยื่นคำร้องขอเป็นโจทก์ร่วม และเรียกค่าเสียหายทางแพ่งตาม ป.วิอาญา มาตรา 44/1

เมื่อถามถึงการที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ทางพนักงานอัยการจะบรรยายฟ้องอย่างไรไม่ให้ศาลลดโทษ นายพรชัย ระบุว่า การบรรยายฟ้องของเรา นอกจากการบรรยายการกระทำผิดแล้ว ข้อหาฆ่าผู้อื่นฯ ตาม ป.อาญา มาตรา 289 มีโทษประหารชีวิต เราจะบรรยายฟ้องว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญประชาชน ทำแบบอุกอาจไม่กลัวกฎหมาย ให้ศาลลงโทษสถานหนัก สิ่งที่กังวลว่าจำเลยรับสารภาพแล้วศาลจะลงโทษอย่างไร เป็นดุลยพินิจของศาล แต่เราเคยฟ้องไปหลายคดี คดีที่ศาลเห็นว่าจำเลยรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา อาจใช้ดุลพินิจไม่ลดโทษให้ก็ได้

ทั้งนี้ นายพรชัยยังห่วงใยถึงการใช้คำเรียกการกระทำผิดของคนร้ายในคดีนี้ ว่า ตามกฎหมายเป็นการ “ชิงทรัพย์” เนื่องจากผู้กระทำผิดคนเดียว ไม่ใช่การ “ปล้นทรัพย์” อย่างที่ก่อนหน้านี้มีการเรียกกันผ่านสื่อบางประเภท เพราะการปล้นทรัพย์ต้องมีผู้กระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป

ถามถึงกระบวนการสืบพยานซึ่งอยู่ต่างจังหวัดมาที่ศาลอาญา นายสิงห์ชัยระบุว่า การสืบพยาน พนักงานสอบสวนจะร่วมประสานพยานมา ซึ่งปัจจุบันศาลสามารถสืบพยานผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ ขณะที่เรื่องการติดตามพยานเพื่อนำสืบในชั้นศาลที่ผ่านมา อัยการสำนักงานคดีอาญาเคยประชุมร่วมกับตำรวจนครบาลและกองปราบฯ แล้ว ทำให้การแก้ไขติดตามพยานมานำสืบในชั้นศาลให้ได้รวดเร็ว ที่ผ่านมาการติดตามพยานของตำรวจนครบาลหลายคดีก็ดีขึ้น ส่วนพยานที่ใช้สืบในชั้นศาลนั้นจะเลือกพยานสำคัญและจำเป็น ซึ่งคณะทำงานจะเป็นผู้พิจารณา หากผู้กระทำผิดจะให้การปฏิเสธในชั้นศาล เราก็จะปรับแนวทางการสืบพยานตามรูปคดี

ส่วน พล.ต.ท.อำพล ผบช.ภ.1 ระบุว่า จะรับเรื่องที่จะไปประสานกับญาติของผู้เสียหายให้ทราบข้อมูล และขั้นตอนการขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม เพื่อจะให้ผู้เสียหายเกิดความสะดวกรวดเร็ว ในการนำเอกสารหลักฐานมาขอเป็นโจทก์ร่วม พร้อมรับปากว่าจะติดตามพยานมาให้อัยการได้ตามที่ครบทุกปาก โดยในส่วนของการคัดค้านให้ประกันตัวนั้น ยืนยันว่า ตำรวจจะร่วมกับอัยการคัดค้านจนคดีถึงที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น