นักข่าวหนุ่มจาก "เพจอีจัน" โพสต์ระบายความอัดอั้นใจ หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวโซเชียลอย่างหนักในกรณีการทำงานของสื่อมวลชน ว่าเป็นสาเหตุการทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตเพิ่ม เผย ตนเองรู้การทำงานดี รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร
จากกรณี สุดสลด จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส อายุ 48 ปี ผู้บังคับกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 กองทัพภาคที่ 2 และ นางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 65 ปี แม่ยายของ พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ เสียชีวิต ก่อนกลับมาที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ขโมยรถฮัมวี พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก เข้ามาที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช ถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา กราดยิงผู้คนภายในห้าง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 ก.พ. นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ออกมาจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มองว่าสื่อมวลชนรายการการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารละเอียดจนเกินไปหรือไม่ โดยไม่สนใจความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่หรือตัวสื่อเอง ต้องการเพียงยอดไลก์ ยอดแชร์และผู้ชมจำนวนมากเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "เศรษฐา โสรินทร์" ผู้สื่อข่าวจากเพจอีจัน ได้ออกมาโพสต์ข้อความในกรณี สื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวสังคมโซเชียลว่าไร้จรรยาบรรณ โดยได้อธิบายว่า ตนเองเป็นนักข่าวภาคสนาม ลงพื้นที่เสี่ยงภัยจริง ฉะนั้นจึงรู้ขอบเขตของการรายงานข่าว รู้ว่าตรงไหนรายงานได้และรายงานไม่ได้ ต่างจากพวกที่นั่งวิจารณ์การทำงานของคนอื่นอยู่ภายในบ้าน ตนเองได้รับการขอร้องจากเจ้าหน้าที่ให้บินโดรนภายในอาคารเพื่อหาจุดที่คนร้านซ่อนตัวอยู่ ซึ่งก็กลัวตายแต่ก็อยากให้คนร้ายถูกจับตัวโดยเร็วเพราะไม่อยากให้เกิดความสูญเสียไปมากกว่านี้
"ผมเข้าไปเห็นเหตุการณ์ข้างในทุกอย่าง ท่านผบ.ตร รอง ผย.ตร ยืนอยู่แนวหน้าของน้องลูกตลอด เป็นขวัญกำลังใจให้ลูกน้อง ท่านสูญเสียลูกน้องของท่านไปถึง 2 คน ไม่อยากให้ลูกน้องคนอื่นๆ ต้องเสียขวัญนี้แหละผู้นำ ตอนนั้นผมอยากรายงานใจแทบขาด แต่นึกถึงว่าเราเข้ามาเพื่อเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อทำข่าว คนร้ายมันอยู่ในร้านฟู้ดแลนด์ ตำรวจยิงปะทะหลายครั้ง ที่พื้นมีแต่ลูกกระสุนเต็มไปหมด เหมือนกับในหนังเลย ตำรวจช่วยตัวประกันออกมาได้หลายคน สถานการณ์ข้างในมีแต่ความตึงเครียด
บินโดรนจนรู้ว่าคนร้ายอยู่จุดไหน เมื่อตำรวจทราบพิกัดคนร้ายแล้ว ตำรวจจึงให้นักข่าวออกมาเพื่อความปลอดภัย ตอนนั้นผมรู้แล้วว่าคนร้ายถูกจับตายแน่นอน หลังออกมาได้แล้ว ตอนนั้นตำรวจยังไม่ได้วิสามัญคนร้าย แต่ถ้านักข่าวอย่างพวกเรา ไร้จรรยาบรรณจริง กระหายข่าว อยากขายแต่ข่าวจริง ไร้จรรยาบรรณตามคำที่คุณยัดเยียดให้ กลับออกมาคงยืนรายงานข่าวก่อนนักข่าวคนอืนๆไปแล้ว เพื่อชิงพื้นที่ข่าวให้ได้เพราะตัวเองเข้าไปเห็นมากับตา แต่ตอนนั้นก็ได้รอจนกว่าตำรวจจะวิสามัญคนร้าย แล้วค่อยรายงานข่าว ตอนนั้นทำได้แค่รายงานข่าวในสิ่งที่พอพูดได้เท่านั้น
หลังตำรวจวิสามัญคนร้ายแล้ว ผมถึงได้รายงานข่าวในสิ่งที่ตัวเองเข้าไปเห็นมากับตา ถ้าไร้จรรยาบรรณอย่างที่คุณยัดเยียดจริง คงรายงานไปก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อเรียกยอดไลก์ เพื่อเรียกเรตติ้ง ทำไมถึงไม่ทำแบบนั้นก็เพราะให้ความร่วมมือกับตำรวจ ตำรวจจะได้ทำงานง่าย และตัวประกันทุกคนปลอดภัย นักข่าวก็มีความรู้สึกเหมือนกัน หยุดยัดเยียด คำว่าไร้จรรยาบรรณให้คนอื่นเถอะครับ ฟังการรายงานข่าวของเขาให้จบสิ ฟังผ่านๆ.... ฟังให้จบแล้วค่อยด่า แบบนี้เขาเรียกอะไรนะ ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด หรือเปล่าละครับ นักข่าวไม่ได้อยากได้ข่าวจนเกินเห็นความสำคัญของชีวิตคนอื่นหรอกนะ หยุดเถอะเพจดรามา เอายอดไลก์จากการสร้างให้คนอื่นตกเป็นจำเลยของสังคม ตัวคุณเองมันยิ่งกว่าอะไรอีก มาทำข่าวด้วยตัวเองบ้างไหม อย่าดีแต่กระดิกนิ้วยัดเยียดความผิดให้คนอื่นเลยครับ ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียด"