เพจอีจัน ควงทนายแจ้งจับเกรียนคีย์บอร์ด โพสต์ใส่ร้าย ซัดเป็นต้นเหตุไลฟ์สดชี้เป้าทำเหยื่อเหตุเหตุกราดยิงโคราชเสียชีวิต
วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สน.บางเขน น.ส.สมปรารถนา นาวงษ์ เจ้าของอีจัน นายเศรษฐา โสรินทร์ นักข่าวเพจอีจัน พร้อมนายนิติธร แก้วโต ทนายความ เข้าแจ้งความกับร.ต.ท.ฐานันดร สาสูงเนิน รองสว.(สอบสวน)สน.บางเขน เพื่อเอาผิดบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก 10 คน และเพจเฟซบุ๊ก 1 เพจ ที่คอมเมนท์และโพสต์สร้างกระแสสังคมให้เกิดความเข้าใจผิดกับ อีจัน เพจอีจัน และทีมข่าวอีจัน ในกรณีการทำข่าวโศกนาฏกรรมโคราชในข้อหาหมิ่นประมา โดยทนายนิติธร กล่าวว่าวันนี้พาเจ้าของเพจอีจันมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่แชร์หรือโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ซึ่งมีการแสดงความคิดเห็นไม่เป็นความจริง สร้างความเสียหายให้กับเพจ
น.ส.สมปรารถนา กล่าวว่ามีกลุ่มคนตั้งใจใส่ร้าย ทำให้เพจว่าเป็นคนไม่ดีเป็นคนเลว มีการโพสต์ข้อความในเพจอีจัน ว่านักข่าวไลฟ์สดทำให้ตัวประกันหรือคนที่ติดอยู่ในห้างเสียชีวิต ซึ่งความเป็นจริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ไม่มีใครทำสิ่งเหล่านั้น การที่เพจทำข่าวทุกคนก็ต้องรู้ว่าเป้าหมายของเราคือช่วยให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น เราต้องช่วยคนก่อนให้เขาปลอดภัย สิ่งที่ทำในคืนนั้นทั้งคืนตนได้สั่งลูกทีมเลยว่า "นักข่าวทุกคนใจเย็นๆ สถานการณ์เป็นเรื่องรอง การช่วยคนที่ติดอยู่เป็นเรื่องหลัก" มีลูกเพจอีกจันได้ทักอินบล็อกข้อความมาหาเป็นร้อยข้อความบอกว่าติดอยู่ตรงนั้นตรงนี้ ให้อีจันช่วยสิ่งที่เราทำคืออะไร ทั้งคืนเราคุยกับตำรวจกองปราบ เพื่อจะแจ้งว่าลูกเพจอีจันอยู่ที่ไหนแล้วใครจะเข้าไปช่วยบ้าง ให้กำลังใจเขาอย่างไร ไม่มีใครทอดทิ้งเขา สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นข่าว ไม่มีวันที่เราจะทำสิ่งนี้เป็นข่าวเพราะเขาไม่ปลอดภัย แต่ทันทีที่สถานการณ์จบ เราได้รับการยืนยันจากแหล่งข่าวตำรวจว่าวิสามัญแล้ว ตัวประกันได้รับการช่วยเหลือแล้ว เราถึงขึ้นข่าวแล้วเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งไม่มีเหตุการณ์ที่คนบางคนโพสต์แล้วอ้างว่าอีจันทำให้คนตาย
น.ส.สมปรารถนา กล่าวต่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือทันทีที่มีการแสดงความคิดเห็นเหล่านั้นแล้วแชร์กันออกไป คนก็เข้ามาด่าเพจและเข้าใจผิด โดยไม่มีใครตรวจสอบความจริงเลยจนกระทั่งเริ่มคุกคามนักข่าวว่านักข่าวเพจอีจันเป็นฆาตกร คนที่พูดข้อความเหล่านั้นต้องรับผิดชอบ ถ้าทวงความรับผิดชอบ สำนึก จรรยาบรรณจากเพจอีจัน วันนี้อีจันขอทวงถามกลับ ขอทวงความเป็นธรรมและความรับผิดชอบคนที่พูดให้ร้ายด้วย เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้ตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป