อาจารย์แพทย์จากจุฬาฯ เผยไปออกรายการดังโต้ "พีท คนเลือดบวก" ชูแนวคิดเซ็กซ์สดไม่ใส่ถุง อ้างกินยาแล้วไม่แพร่เชื้อ ระบุ ลงเวทีเพื่อกำราบมารก็ต้องทำ เพื่อประโยชน์สาธารณชน ย้ำติดเชื้อหรือไม่ก็ควรใส่ถุงยางอนามัย เพราะยังมีโรคอื่น เตือนถ้าบางคนมีเชื้อดื้อยาก็ป้องกันไม่ได้
จากกรณีที่นายฐิฏิวัสส์ ศิรเศรษฐกร หรือ "พีท คนเลือดบวก" ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่เคยเป็นข่าวกรณีที่เปิดคอร์สสอนมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้ติดเชื้อเอชไอวี ทำให้สังคมออกมาประนามไปก่อนหน้านี้ กระทั่งนักศึกษาพยาบาลรายหนึ่งวิจารณ์ว่า ถ้าการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใช้ถุงยางอนามัยจริงแล้วนายฐิฏิวัสส์จะติดโรคมาหรือ และเป็นเรื่องไม่เข้าท่าที่จะไปสอนคนอื่นเช่นนั้น ทำให้นายพีทไปแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ จนมีชาวเน็ตออกมาให้กำลังใจนักศึกษาพยาบาลรายนี้ และมีเพจดังออกมาเคลื่อนไหวช่วยเหลือ
ทวิตเตอร์ @pokrath ของ นพ.ปกรัฐ หังสสูต ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หน่วยไวรัสวิทยา ภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความระบุว่า "เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จะต้องลงเวทีเดียวกับเค้าเพื่อกำราบมารก็คงต้องทำ ขอโทษที่ทำให้เค้าหายไปจากสื่อไม่ได้ แต่เอาล่ะผมยอมไปคลุกโคลนเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน ถ้าผมโดนยิงตาย ทำบุญให้ผมด้วยนะ" หลังจากตอบรับไปออกรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ร่วมกับนายพีท และนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายความชื่อดัง
นอกจากนี้ นพ.ปกรัฐ ยังโพสต์ข้อความระบุว่า "เพศสัมพันธ์แบบปลอดภัยกันทุกคนนะครับ ป้องกันทั้งตัวคุณเองและผู้อื่นจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีมากมายกว่า HIV เช่น ซิฟิลิส หนองใน ฯลฯ อ้อ ถ้าเจอเชื้อเอชไอวีที่ดื้อยา ยาต้านไวรัสที่ทานอยู่ก็ป้องกันไม่ได้นะครับ จะได้ของแถมเป็นเชื้อดื้อยาด้วย"
ก่อนหน้านี้ นพ.ปกรัฐ ได้กล่าวในรายการโหนกระแส แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการเคลื่อนไหวของนายพีท ระบุว่า แม้ทฤษฎีไม่เจอเท่ากับไม่แพร่ (Undetectable = Untransmittable) หรือ U=U เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะยังมีโอกาสได้รับเชื้อหนองใน ซิฟิลิส โรคเริม ซึ่งไม่ว่าจะติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัยถ้ามีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อป้องกันตนเอง และมองว่าทัศนคติเช่นนี้เป็นอันตรายมาก เป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ถูกต้องให้สังคม
"ที่บอกว่าจะแพร่เชื้อออกไปให้คนติดเชื้อทั้งหมด ในโลกนี้ไม่มีอะไรดำสนิท ขาวบริสุทธิ์ มันมีสีเทา เพียงแต่เราต้องดึงสีเทาเข้มๆ ให้เป็นสีขาว นั่นคือหน้าที่พวกเรา ไม่ใช่เราจะไปพูดว่าเรามีเชื้อแล้วจะทำให้เหมือนเรานั้นไม่ใช่" นพ.ปกรัฐ ระบุ