เมื่อก่อนสว่างของวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๑๙ ได้เกิดเหตุสยองขวัญขึ้นอีกครั้งในประวัติศาสตร์การบินโลก ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น เมื่อเครื่องบินโบอิ้ง ๗๐๗ ของสายการบินอียิปต์แอร์ บินมาจากกรุงไคโร จะมาส่งผู้โดยสารกลับจากพิธีแสวงบุญที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอารเบีย มาถึงสนามบินนานาชาติดอนเมืองเมื่อ ๓ นาฬิกาเศษ นักบินชาวอียิปต์ได้ติดต่อกับหอบังคับการบิน เมื่อได้รับการเปิดรันเวย์ให้ลงแล้ว นักบินยังบอกว่าเขาจะรีบไปพัทยา
“เมอรี่คริสต์มาส”
เป็นเสียงสุดท้ายของกัปตัน ก่อนจะลดระดับการบินลงเหนือทุ่งรังสิต ในทัศนวิสัยที่ไม่ดีนักเพราะมีหมอกลงจัด มุ่งสู่แนวไฟยาวซึ่งเขาคิดว่าเป็นไฟรันเวย์ แต่ความจริงคือแนวไฟที่ติดไว้ตามแนวต้นมะพร้าวข้างถนนในโรงงานทอผ้าของบริษัทอุคตสาหกรรมทอผ้าไทย (ไทเทยิ่น) ซึ่งอยู่ก่อนถึงสนามบินดอนเมืองราว ๒ กม. มีคนงานกว่า ๒๐๐ คนอยู่ในกะรอบดึก เครื่องได้พุ่งชนเรือนพักคนงาน ก่อนที่จะไปชนโรงงานจนสิ้นแรงอยู่ตรงนั้น และต่อมาไม่ถึงนาทีก็ระเบิดขึ้นจนแหลกกระจายไปทั้งลำและทั้งโรง เปลวไฟได้ลุกขึ้นอย่างโชติช่วง
โชคดีอยู่หน่อยตรงที่ช่วงนั้นเป็นเวลาพักกินข้าวของคนงาน จึงมีคนงานอยู่ในโรงงานเป็นส่วนน้อย มีผู้เสียชีวิตเพียง ๑๙ คน ส่วนผู้โดยสาร ๔๓ คนและลูกเรืออีก ๙ คนไม่มีใครรอด ศพของคนบนเครื่องกระเด็นไปรวมกันอยู่ทางหัวของเครื่อง ถูกไฟไหม้จนจำไม่ได้ว่าเป็นชายหรือหญิง รายหนึ่งกำลังตั้งครรภ์ ความร้อนทำให้เด็กในท้องทะลักออกมาอยู่นอกท้อง
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่หน่วยต่างๆได้รีบรุดมาช่วยดับเพลิง ได้ยินเสียงคนงานหญิงคนหนึ่งร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกโครงเหล็กของโรงงานพังลงมาทับ ท่ามกลางควันไฟที่ตลบ พลตำรวจดับเพลิงคนหนึ่งได้ตัดสินใจฝ่าเปลวไฟเข้าไปช่วยออกมาได้ โดยทั้งผู้เคราะห์ร้ายและผู้เข้าไปช่วย ต่างออกมาในสภาพแทบเอาชีวิตไม่รอดทั้ง ๒ คน
ผลสรุปของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ หลังต่อสู้คดีกันกว่า ๒ ปี ศาลได้ตัดสินให้บริษัทการบินชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้แก่โรงงานทอผ้ารวมทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เนื่องจากสาเหตุของความสูญเสียเกิดจากความประมาทของนักบิน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เครื่องบินตกในประเทศไทยด้วยเหตุพิศดารแบบนี้ ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๐๕ เครื่องบินเจ็ทโดยสาร รุ่นโคเม็ต ๔ ซี ของสายการบินยูไนเต็ดอาหรับแอร์ไลน์ได้พุ่งชนยอดเขาเขียวบนเขาใหญ่ ผู้โดยสาร ๔๗ คนเสียชีวิตทั้งลำ กล่าวกันว่าสาเหตุเกิดจากนักบินเห็นไฟของถนนมิตรภาพแถวปากช่อง คิดว่าเป็นรันเวย์ของสนามบินดอนเมือง เนื่องจากทัศนะวิสัยไม่ดีเหมือนกัน จึงลดระดับเพดานบินเพื่อเตรียมลงสนาม พบโศกนาฏกรรมในสาเหตุที่ใกล้เคียงกับครั้งนี้
ส่วนโรงานทอผ้าไทยเทยิ่น ซึ่งเป็นของ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร บุคคลสำคัญทางการเมืองคนหนึ่งของสำนักซอยราชครู ซึ่งต้องใช้เวลาถึง ๖ เดือนสร้างโรงงานใหม่ ก็มีเรื่องให้น่าเล่าในความเป็นแบบฉบับของนายจ้าง นอกจากจะจ่ายค่าทำศพ ค่ารักษาพยาบาลให้คนงานที่บาดเจ็บและไปเยี่ยมเยียนตลอดแล้ว ยังจ่ายเงินให้คนงานที่ต้องรอโรงงานใหม่ โดยไม่ให้ใครต้องตกงานแม้แต่คนเดียว
นี่ก็เป็นโศกนาฎกรรมครั้งหนึ่งของการบิน ในยุคที่อุปกรณ์ที่ให้ความปลอดภัยทางการบินยังไม่ครบครันเหมือนวันนี้