"พิชาย" ชี้ความขัดแย้งการเมืองปัจจุบัน คล้ายช่วง 14 ตุลา 16 - ก่อน 6 ตุลา 19 หวั่นรุนแรงซ้ำรอย แนะรัฐบาลประนีประนอม อย่าบีบอีกฝ่ายให้จนมุม พร้อมจี้จัดเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนมีความหวังขึ้นมาบ้าง
วันที่ 24 ธ.ค. 62 รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์ประจำหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง "นิวส์วัน" ในตอน : “บรรยากาศคล้ายช่วง14ตุลา16 - ก่อน6ตุลา19”
โดย ดร.พิชาย กล่าวช่วงหนึ่งว่า น่าเป็นห่วงกระแสตอนนี้เป็นส่วนผสมระหว่าง 14 ตุลา 16 ก่อน 6 ตุลา 19 มีลักษณะซ้ายจัดและขวาจัด โดยซ้ายได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก็จะมีกลุ่มนักศึกษาบางส่วน ผู้ใช้แรงงานบางส่วน ส่วนฝ่ายขวาก็มีการจัดตั้งนวพล กระทิงแดง มีการสร้างกระแสว่าฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป มีวิทยุยานเกราะ หนังสือพิมพ์ดาวสยาม คอยปกป้องรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันก็มีสื่อลักษณะเช่นนี้อยู่
ดร.พิชาย กล่าวต่ออีกว่า ระหว่างปี 18 -19 สถานการณ์มีความตึงเครียด มีการชุมนุมเป็นระยะ มีระเบิดลงที่ชุมนุมมีคนตาย ตามป่าเขามีการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ บวกกับประเทศเพื่อนบ้านที่คอมมิวนิสต์ชนะ จึงมีการสร้างความหวาดกลัว มีการลอบสังหารนักศึกษา ตอนนั้นรุนแรงมาก
คนที่มีบทบาทในตอนนี้ หลายคนก็มีส่วนร่วมในอดีต เห็นความรุนแรงมาก่อน ซีกทหารเองก็มีบทเรียนหลายครั้งแล้ว น่าจะเอาเป็นบทเรียนว่าท้ายที่สุดความรุนแรงก็ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งสิ้น อะไรที่รุนแรงสุดขั้วอันตราย แล้วความรุนแรงเกิดจากคนที่มีอำนาจรัฐมากกว่า ถ้ามีการประนีประนอมก็จะลดกระแสความรุนแรงได้ เช่นตอนสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ กับคำสั่ง 66/2523
ดร.พิชาย กล่าวว่า แนะนำรัฐบาลลดความคับแค้นนี่ง่ายที่สุด คือไม่ไล่ต้อนให้อีกฝ่ายจนมุม เช่น เรื่องการยุบพรรค หากพิจารณาอย่างเป็นธรรมแล้วไม่เข้าข่ายยุบพรรค หรือตีความให้เป็นคุณได้ ก็ไม่ต้องยุบ ให้ที่เขาเล่นในสภา อาจลดกระแสความคับแค้นใจขึ้นมาได้บ้าง
ปลดล็อกตัวที่หนึ่ง สร้างความเป็นธรรมทางกฎหมายอย่าใช้กฎหมายกลั่นแกล้ง ปลดล็อกตัวที่สองคือรัฐธรรมนูญญ ควรแก้แบบแสดงความจริงใจ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม
และปลดล็อกสาม ต้องสร้างความหวังขึ้นมา ต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนมีความหวัง และพุ่งความสนใจไประดับท้องถิ่น แล้วยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
ส่วนแก้โครงสร้างเศรษฐกิจหวังยาก เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ การปฏิรูปที่ดินด้วยการเก็บภาษีที่ดิน ก็กลายเป็นคนชั้นกลางเดือดร้อน คนชั้นกลางยิ่งเกลียด เจตนาดีต้องการเก็บคนรายได้สูง แต่ก็ลับไปแก้ไขใน สนช. ไม่เอามูลค่าเป็นหลัก แต่เอาจำนวนหลังเป็นหลัก
ดร.พิชาย กล่าวทิ้งท้ายว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นถ้ารัฐบาลไม่ฟังจะมีปัญหาเอง ต้องฟังและรีบปฏิบัติ อย่าลำพองใจชัยชนะที่ขอนแก่น เพื่อไทยเสื่อมถอยจริง แต่ไม่มาก แล้วต้องแยกการเลือกตั้งซ่อมกับเลือกตั้งทั่วไป มันมีหลายปัจจัยที่ต่างกัน นอกจากนี้วันอาทิตย์นี้จะมีนิด้าโพลออกมา สำรวจความนิยมรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อแถลงออกมาจะหนาว แล้วจะรู้ว่าชัยชนะที่ขอนแก่นเป็นเพียงมายาภาพ
