สันติวิธี พรหมบุตร ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย อสมท เผยข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง หลังเคยพูดคุยกัน 2 ครั้งในเรือนจำ พบเป็นนักแต่งเรื่องที่เก่ง แต่เรื่องน่าสะพรึงคือมองการฆ่าคนเป็นเรื่องปกติคล้ายการอาบน้ำและแปรงฟัน
จากเหตุการณ์นายสมคิด พุ่มพวง อายุ 55 ปี อดีตฆาตกรต่อเนื่อง ที่เพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ก่อนมาก่อเหตุฆ่าเปลือยแม่บ้านของโรงแรมแห่งหนึ่ง กระทั่งมีคนมาพบศพภายในบ้านหลังหนึ่ง ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น สภาพถูกห่อด้วยผ้าห่ม ท่อนล่างเปลือย บริเวณลำคอถูกพันด้วยเทปใส ที่ข้อเท้ามัดด้วยสายชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ ก่อนหน้านี้สมคิดเคยก่อเหตุฆาตกรรมมาแล้ว 5 ศพ ศาลได้มีคำพิพากษาประหารชีวิตนายสมคิดในคดีก่อเหตุฆ่า น.ส.วารุณี พิมพะบุตร อายุ 25 ปี นักร้องสาว “แสงตะวันคาเฟ่” ในห้องพักโรงแรมพลอยพาเลซ จ.มุกดาหาร และพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตนายสมคิดในคดีที่ก่อเหตุฆ่า น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ อายุ 25 ปี อาชีพหมอนวดแผนโบราณที่โรงแรมปิยะแมนชั่น ใน จ.บุรีรัมย์ และล่าสุดถูกจับที่สถานีปากช่อง จ.นครรราชสีมา ขณะนั่งรถไฟจากสุรินทร์จะเข้า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (19 ธ.ค.) นายสันติวิธี พรหมบุตร ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย อสมท ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “สันติวิธี พ.” เผยถึงช่วงเวลาหนึ่งที่ได้เคยเข้าไปสัมผัสกับฆาตกรต่อเนื่องถึง 2 ครั้ง ทำให้ได้รู้นิสัยของฆาตกรรายนี้ และได้นำมาโพสต์ข้อความระบุว่า
"ผมเคยเจอสมคิด พุ่มพวง ในเรือนจำกลางบางขวาง 2 ครั้ง ในช่วงเวลาห่างกัน 9 เดือน เพราะเข้าไปหาข้อมูลเพื่อทำสารคดีเชิงข่าว รายการข่าวดังข้ามเวลา ครั้งแรกไปเจอและได้พูดคุยกับเขาโดยบังเอิญ ครั้งที่ 2 ตั้งใจไปคุยกับเขาโดยตรง ครั้งที่สองที่ได้เจอ ผมนำข้อมูลที่สมคิดเล่าครั้งแรก มาเปรียบเทียบกัน ทำให้เห็นว่าเขาแต่งเรื่องราวเก่ง เล่าเหตุการณ์เดียวกัน 2 ครั้งไม่เหมือนกัน แต่เล่าได้คล่องแคล่ว เหมือนว่าเป็นเรื่องจริง
กรกฎาคม 2558 ผมกับทีมโปรดิวเซอร์รายการและช่างภาพ รวม 3 คน เข้าไปในเรือนจำกลางบางขวาง ขอพูดคุยกับ พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือผู้พันตึ๋ง เพื่อนำข้อมูลมายืนยันในรายการข่าวดังข้ามเวลา ตอน “พลิกแผนฆ่า ล่าปมสังหาร” ระหว่างรอผู้พันตึ๋งตัดสินใจว่าจะพูดคุยกับเราหรือไม่ เห็นชายรูปร่างเตี้ยล่ำ หน้าตาคุ้นๆ เดินมาด้อมๆ แอบมองพวกเรา ผู้คุมเลยเรียกมาหาและบอกกับเราว่านี่คือ สมคิด พุ่มพวง ให้เราคุยรอผู้พันตึ๋งไปก่อน
เรานั่งคุยกับสมคิด พุ่มพวง อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง ปีนั้นเป็นปีที่ 10 ที่เขาถูกจองจำ สิ่งที่เห็นในบุคลิกของชายคนนี้ คือสายตาค่อนข้างแข็งกระด้าง พูดจาฉะฉาน อารมณ์ในการเล่าในเรื่องราวที่เขาเคยฆาตกรรม เหมือนจะเป็นเรื่องปกติ และดูเหมือนว่าผู้คนที่เขาฆ่าสมควรตาย เราถามว่า ทำไมถึงฆ่าผู้หญิงทั้ง 5 คน เขาตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่า บางคนโดยเฉพาะเหยื่อรายแรกๆ เขารู้จักแต่หักหลังเขาในบางเรื่อง และบางคนเป็นสายของตำรวจเพื่อมาจับกุมตัวเขา เขาเลยต้องฆ่าคนเหล่านั้น แล้วเขาไปเรียนรู้การฆ่ามาจากไหน สมคิดบอก เขาถนัดการหักคอเหยื่อ เพราะไปเรียนรู้วิธีฆ่าเหล่านี้มาจากทหารเวียดกง สมัยเขาไปทำงานในกาสิโนที่เวียดนาม
ระหว่างเขาเล่าเรื่องเหล่านี้ สีหน้าเขาเล่าเหมือนเรื่องปกติ ไม่ได้รู้สึกว่าการฆ่าคนเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนั้น เราเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง แต่ยังไม่มีอะไรยืนยันมากนัก จนกระทั่งช่วงเดือนเมษายน 2559 หรือถัดจากนั้น 9 เดือน ผมขอเข้าพบสมคิด พุ่มพวง ที่เรือนจำกลางบางขวางอีกครั้ง ซึ่งเป็นปีที่ 11 ที่เขาถูกคุมขัง เพราะครั้งนี้ รายการข่าวดังข้ามเวลา จะทำเรื่องของเขาโดยตรง ในชื่อตอน “ฆาตกรรมซ้ำซ้อน ฆาตกรต่อเนื่อง”
รอบนี้ ผมพาโปรดิวเซอร์เป็นน้องผู้หญิงเข้าไปด้วย 2 คน ช่างภาพอีก 1 คน เมื่อเผชิญหน้ากับสมคิด เขาจำผมได้ เราทักทายกัน ผมแจ้งเขาว่า จะขอนำสิ่งที่คุยไปทำสารคดีข่าว เขาอนุญาต และพูดกันยาวอีกราว 2 ชั่วโมงกว่า ผมพยายามทวนคำถามเดิมๆ ที่เคยถามเขาเมื่อ 9 เดือนก่อน ให้เขาตอบ เพราะอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาเล่าให้ผมฟังครั้งแรกมันจะจริงหรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องจริง เขาคงจำได้และเล่าแบบเดิม
ผมถามเขา ทำไมเขาฆ่าผู้หญิงทั้ง 5 คน สมคิดคงจำคำตอบเมื่อ 9 เดือนก่อนไม่ได้ เขารีบตอบผมอย่างฉะฉานไม่ติดขัดว่า เพราะผู้หญิงทั้ง 5 คน มีทั้งเด็กเสี่ย เสี่ยสั่งฆ่า บางคนไปติดหนี้นายทุน นายทุนจ้างเขาไปทวงหนี้ เมื่อไปเจอผู้หญิงก็พาไปเจรจาที่โรงแรม ซึ่งเขาใช้เป็นเซฟเฮาส์ แต่ผู้หญิงไม่มีเงินจ่าย เขาโทรศัพท์หานายทุน นายทุนสั่งฆ่า เขาจึงต้องฆ่าตามคำสั่ง
ตอนนั้น ผมรู้แล้วว่าสมคิดเป็นคนที่ปั้นแต่งเรื่องราวต่างๆ ไว้ในหัวอย่างมากมาย จนบางครั้งเขาจำไม่ได้ว่า เคยบอกกับผมเมื่อ 9 เดือนไว้อย่างไร แต่ที่เขาตอบเหมือนเดิม คือการฆ่าคน ที่เขายืนยันว่า ไปเรียนรู้วิธีหักคอมาจากทหารเวียดกง ตอนที่เขาไปทำงานในบ่อนคาสิโนที่เวียดนาม ข้อมูลนี้ ทำเอาน้องโปรดิวเซอร์ผู้หญิงทั้งสองคน อ้าปากค้าง
แต่ที่ต้องอ้าปากค้างมากกว่า คือช่วงที่ผมให้น้องโปรดิวเซอร์ผู้หญิงถาม น้องเขาถามว่า ตอนนี้รู้สึกอย่างไรกับการฆ่า 5 ศพ สมคิดสวนกลับทันควันอย่างไม่ต้องคิดว่า “แล้วหนูแปรงฟัน อาบน้ำ รู้สึกอะไรไหม” เขาเปรียบเทียบการฆ่าคนเหมือนกิจวัตรปกติ ทำให้ผมคิดมาตลอดว่า การคุยกับเขา 2 ครั้ง ผมไม่เห็นเลยว่า เขาจะรู้สึกผิดกับการฆ่าคน”