พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระราชยานพุดตานทอง ทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี โดยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีและกรมหลวงราชสาริณีฯ ทรงพระดำเนินคู่เคียงพระราชยาน
วันนี้ (12 ธ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ออกจากพลับพลาที่ประทับรับรอง เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระที่นั่งราชกิจวินิจฉัย ณ ที่นั้น องคมนตรี นายกรัฐมนตรี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เฝ้าฯ รับเสด็จ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระราชยานพุดตานทอง ทรงพระแสงขรรค์ชัยศรี
เวลา 17.51 น. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ยาตราริ้วขบวนราบไปยังพระบรมมหาราชวัง มีพระราชยานถมอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ ๙ นำริ้วขบวน สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในฉลองพระองค์ราชองครักษ์ประจำพระองค์ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ในฉลองพระองค์ราชองครักษ์ประจำพระองค์ทรงพระดำเนินเข้าริ้วขบวนราบในฐานะราชองครักษ์ประจำพระองค์คู่เคียงพระราชยาน ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณสรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เสด็จไปประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังพระบรมมหาราชวัง ทรงรอรับเสด็จ ณ พระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท
โดยเส้นทางยาตราริ้วขบวนราบได้ออกจากท่าราชวรดิฐ มาตามถนนมหาราชจากนั้น เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวขวา เข้าพระบรมมหาราชวัง ทางประตูวิเศษไชยศรี ผ่านประตูพิมานไชยศรี เพื่อไปเทียบยังเกยหน้าพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ใช้เวลาในการยาตราขบวนประมาณ 30 นาที รวมระยะทางประมาณ 800 เมตร ความยาวริ้วขบวนประมาณ 400 เมตร มีกำลังพลประมาณ 800 นาย ประกอบด้วย ข้าราชบริพารในพระองค์ จากหน่วยราชการในพระองค์ ได้แก่ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ สำนักพระราชวังและกำลังพลจากกองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โรงเรียนเตรียมทหาร เป็นการเดินในท่าเดินกึ่งสวนสนาม ประกอบจังหวะเพลงมาร์ชในเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จำนวน6 เพลง ประกอบด้วย เพลงมาร์ชราชวัลลภ มาร์ชธงชัยเฉลิมพล ยามเย็น ใกล้รุ่ง สรรเสริญเสือป่า และเพลงสรรเสริญพระนารายณ์
ริ้วขบวนราบ มี พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้อำนวยการริ้วขบวน ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ขบวนหน้า อันเป็นขบวนนำ ขบวนพระบรมพระราชอิสริยยศ หรือ “ขบวนเสด็จ” เป็นขบวนกลาง และขบวนหลังเป็นขบวนตาม
ส่วนที่ ๑ ขบวนหน้า ประกอบด้วย ตำรวจม้านำ วงดุริยางค์วงนำ กองบังคับการกองผสม โดยมี พลตรี พงษ์ศักดิ์ เปรมทองสุข ผู้อำนวยการกองกำลังพลปฏิบัติการ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้บังคับกองผสม และกองพันทหารเกียรติยศนำ จัดกำลังจาก กรมทหารรักษาวังมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ โดยมี พลตรี จิรสิทธิ์ จันทรมี เป็นผู้บังคับกองพันทหารเกียรติยศนำ
ส่วนที่ ๒ ขบวนพระบรมพระราชอิสริยยศ หรือ “ขบวนเสด็จ” ประกอบด้วย ๒ ส่วน คือ ส่วนนำริ้ว กับส่วนพระราชยาน ส่วนนำริ้ว แบ่งเป็น 3 ตอนการเดิน ประกอบด้วย ตอนนำริ้ว ได้แก่ เจ้าพนักงานพระราชพิธีนำริ้ว เจ้าพนักงานพระราชพิธีประตูหน้าและธงสามชาย นำริ้วขบวน ต่อด้วยตอนเครื่องประโคม ประกอบด้วย หมู่กลองมโหระทึก ริ้วกลองชนะ ริ้วแตรฝรั่ง แตรงอน และสังข์ โดยมีจ่าปี่ จ่ากลอง บรรเลงให้จังหวะและสัญญาณ จากนั้นเป็น ตอนพระนำ ซึ่งเป็นริ้วพระราชอิสริยยศ เชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่ 9 ที่เชิญมาในขบวนพยุหยาตราทางชลมารค มาประดิษฐานบนพระราชยานถมประกอบเข้าในริ้วขบวน โดยมีนายทหารราชองครักษ์เชิญธงมหาราช เดินนำหมู่พระราชยานพระนำนี้
จากนั้น เป็น ส่วนพระราชยาน ประกอบด้วย 3 ตอนการเดิน ได้แก่ ตอนเครื่องสูงหักทองขวางหน้า ตอนพระราชยาน และตอนเครื่องสูงหักทองขวางหลัง
ตอนเครื่องสูงหักทองขวางหน้า เป็นริ้วเชิญฉัตรเครื่องสูงหักทองขวางประกอบ พระบรมราชอิสริยยศ ซึ่งเชิญอยู่หน้าพระราชยานทรง แบ่งเป็น 2 สาย ซ้ายและขวา โดยเชิญพระแสงศาสตราวุธ สำคัญ 6 องค์ เดินเป็นสายกลางเชิญระหว่างเครื่องสูง เรียกว่า “ริ้วพระแสงหว่างเครื่องหน้า”
ตอนพระราชยาน เป็นริ้วขบวนเชิญพระราชยานพุดตานทอง ซึ่งเป็นพระราชยานทรง ประกอบด้วย พระกรรภิรมย์ ซึ่งเป็น ฉัตรสีขาว ๓ ฉัตรที่ลงอักขระเลขยันต์ เชิญเป็นเครื่องรางเพื่อความเป็นสิริมงคลในริ้วขบวน ต่อด้วยกรับให้สัญญานควบคุมการปฏิบัติในริ้วขบวน จากนั้นเป็นพราหมณ์เป่าสังข์ ริ้วพระตำรวจหลวงรักษาพระองค์นำเสด็จ จำนวน 16 นาย โดยมี พลเอก จักรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ ปฏิบัติหน้าที่เป็นพระตำรวจหลวงรักษาพระองค์นำเสด็จฝั่งขวา ตามด้วย นายทหารราชองค์รักษ์ เชิญธงชัยราชกระบี่ยุทธ และธงชัยพระครุฑพ่าห์
จากนั้นเป็น หมู่พระราชยานพุดตานทอง เชิญพระราชยานพุดตานทอง ซึ่งเป็นพระราชยานทรง มีเจ้าพนักงานแบกหาม 16 นาย มีผู้กำกับพระราชยาน และผู้กำกับเจ้าพนักงานพลแบกหาม เป็นผู้กำกับดูแลและจัดเจ้าพนักงานแบกหามสำรอง สำหรับผลัดเปลี่ยน 1 ชุด รวมทั้งเจ้าพนักงานถือม้าสำหรับรองพระราชยาน8 นาย ขนาบข้างพระราชยานพุดตานทอง มีข้าราชบริพารในพระองค์ปฏิบัติหน้าที่เป็นริ้วคู่เคียงพระราชยาน และแถวแซงเสด็จทั้งสองฝั่ง สายในสุดของทั้งสองข้างเป็นมหาดเล็กคู่เคียงพระราชยาน ถัดออกมาเป็นราชองครักษ์ในพระองค์คู่เคียงพระราชยาน ในการนี้ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินในริ้วขบวนราบ ทรงพระดำเนินนำริ้วราชองครักษ์ในพระองค์คู่เคียงพระราชยานพุดตานทองฝั่งซ้าย และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงราชสาริณีสิริ พัชรมหาวัชรราชธิดา ทรงพระดำเนินนำริ้วราชองครักษ์ในพระองค์คู่เคียงพระราชยานพุดตานทองฝั่งขวา สำหรับสายนอกสุดเป็นแถวทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ แซงเสด็จ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทหารอาวุโสประจำแถวแซงเสด็จในพระองค์ฝั่งขวา และพลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทหารอาวุโสประจำแถวแซงเสด็จในพระองค์ฝั่งขวา
ในหมู่พระราชยาน ได้เชิญพระกลด พัดโบก บังพระสูรย์ และพระทวย เป็นเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศเคียงข้างพระราชยาน และเชิญพระแสงรายตีนตอง ซึ่งเป็นพระแสงสำคัญ คู่เคียงพระราชยาน ประจำอยู่ 4 มุมของพระราชยาน จากนั้นเป็นตอนเครื่องสูงหักทองขวางหลัง เป็นริ้วเชิญฉัตรเครื่องสูงหักทองขวาง ประกอบพระบรมราชอิสริยยศ อยู่ด้านหลังพระราชยาน แบ่งเป็น 2 สาย ซ้ายและขวา โดยเชิญพระแสงศาตราวุธ สำคัญ 4 องค์ เดินเป็นสายกลางเชิญอยู่ระหว่างเครื่องสูง เรียกว่า “ริ้วพระแสงหว่างเครื่องหลัง” ตามด้วยริ้วเชิญพระแสงสำคัญ เป็นการเชิญพระแสงสำคัญประจำรัชกาลต่างๆ จำนวน 8 องค์ ได้แก่ พระแสงดาบคาบค่าย พระแสงดาบเวียด พระแสงดาบฟันปลา พระแสงดาบแฝด พระแสงดาบฝักมุกทรงเดิม พระแสงดาบฝักทองเกลี้ยง พระแสงขรรค์นวโลหะ และ พระแสงดาบมรกต (ร.7 ) ตามด้วยริ้วเชิญเครื่องบรมราชอิสริยราชูปโภคตาม จำนวน 16 รายการ ปิดท้ายด้วยเจ้าพนักงานพระราชพิธีประตูหลัง
ส่วนที่ ๓ ขบวนหลังเป็นขบวนตาม ประกอบด้วย วงดุริยางค์วงตามและกองพันทหารเกียรติยศตาม ปิดท้ายขบวน จัดกำลังจาก กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ โดยมี พลตรี สรัศวิน โพธิทอง ปฏิบัติหน้าที่เป็น ผู้บังคับกองพันทหารเกียรติยศตาม
พระราชยานพุดตานทอง เทียบเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระราชอิริยาบถที่พระที่นั่งราชกรัณยสภา ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา, สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ออกจากพระที่นั่งราชกรัณยสภา เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรถยนต์พระที่นั่งข้างประตูกำแพงแก้ว พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พร้อมด้วยรถยนต์พระประเทียบอัญเชิญพระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์ รัชกาลที่๙ นำรถยนต์พระที่นั่งจากพระบรมมหาราชวัง เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี