จากกรณีพบการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณ ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง เนื้อที่กว่า 327 ไร่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ย้ำให้ทุกฝ่ายตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายหากพบการกระทำผิด และจะไม่ยอมสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติให้เป็นสมบัติส่วนตัวของใคร พร้อมสั่งการให้ตรวจสอบพื้นที่อื่นทั่วประเทศ
วันนี้ (5 ธ.ค.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากหน่วยงานในพื้นที่ว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณ ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง เนื้อที่กว่า 327 ไร่ ตนจึงได้สั่งการให้ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ลงพื้นที่บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบทันที ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด ตนกังวลว่าหากไม่มีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดทรัพยากรธรรมชาติก็จะสูญเสียไปไม่หยุดหย่อน เนื่องจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแวดล้อม มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการคุ้มครองพิทักษ์รักษาและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นสมบัติของชาติให้คงอยู่จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
“การปราบปรามผู้กระทำความผิดโดยเฉพาะกลุ่มนายทุนรายใหญ่ที่บุกรุกทำลายทรัพยากรธรรมชาติต้องดำเนินการเป็นลำดับแรก การถือครองพื้นที่ป่าอย่างผิดกฎหมายถือเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตรวจสอบพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ หากพบการบุกรุกพื้นที่ป่าให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดทันที” รมว.ทส.กล่าว
ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า วันนี้ตนพร้อมด้วย นายอภิชัย เอกวนากุล ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน, นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 สนธิกำลังคณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการฉลามขาว, ชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร, กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กอ.รมน.ระยอง ทหาร รส.ทร.ที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แกลง และฝ่ายปกครอง รวม 80 คน ลงพื้นที่บริเวณท้องที่หมู่ที่ 3 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง เพื่อปฏิบัติการตรวจยึดการบุกรุกป่าชายเลนภายใต้แผน “ปฏิบัติการเพิ่มและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลน” ตามนโยบายของรัฐบาล
นายโสภณกล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีการเข้าครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ จำนวน 4 แปลง แปลงที่ 1 เนื้อที่ 182.93 ไร่ แปลงที่ 2 เนื้อที่ 83.98 ไร่ แปลงที่ 3 เนื้อที่ 35.62 ไร่ และ แปลงที่ 4 เนื้อที่ 24.70 ไร่ รวมเนื้อที่ 327.23. ไร่ เบื้องต้น พบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีจากการลงพื้นที่ไม่พบผู้ครอบครองอยู่ในพื้นที่ แต่จากการตรวจสอบพบว่านากุ้งนี้ยังดำเนินการตามปกติ ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการลงบันทึกการตรวจยึดและดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อ สภ.ปากน้ำประแสร์ อ.แกลง จ.ระยอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“จากสถานการณ์พื้นที่ป่าชายเลนของประเทศไทยเนื้อที่ 2.8 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ เพียง 1.5 ล้านไร่ และถูกบุกรุกเปลี่ยนแปลงสภาพ จำนวนกว่า 1.3 ล้านไร่ ซึ่งในช่วงปี 2562 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการเพิ่มและฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนของรัฐบาล สามารถยึดพื้นที่ได้คืนกว่า 5,044 ไร่ รวมดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ถึงปัจจุบัน ได้ยึดคืนพื้นที่ป่าชายเลนที่ถูกบุกรุกได้กว่า 60,000. ไร่ และได้ฟื้นฟูคืนสู่ความสมบูรณ์ได้กว่า 20,000 ไร่”
นายโสภณกล่าวทิ้งท้ายว่า อย่างไรก็ตาม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ขอย้ำว่า จากนโยบายของ รมว.ทส. และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวง ทส. เน้นย้ำเสมอว่าทรัพยากรป่าชายเลนเป็นสมบัติของชาติ ทุกคนเป็นเจ้าของสามารถร่วมกันดูแลรักษาให้คงอยู่ดังนั้น จึงต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หากพบเห็นการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนหรือการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับทรัพยากรป่าชายเลน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่เพื่อเข้าตรวจสอบและดำเนินการทันที
