หนุ่มเตือนภัย หลังเจอแท็กซี่ป้ายขาวโกงระยะทางและค่ามิเตอร์ เจรจาให้ไปโรงพักบ่ายเบี่ยง พร้อมทำลายข้าวของ สุดท้ายวอนให้ยามโรงแรมช่วยเหลือยามบอกปัดไม่ใช่เรื่องของตนเองและไม่ใช่หัวหน้าให้จัดการเอง เบื้องต้นแจ้งความแล้ว
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. เฟซบุ๊ก "Pichetsahat Bilkasimen" ได้ออกมาแชร์อุทาหรณ์แท็กซี่ภัยสังคมป้ายขาวโกงมิตเตอร์ โดยเปิดเผยเหตุการณ์ว่าเป็นรถโตโยต้า โคโลล่า สีแดงส้ม เรียกรถมาจากโรงแรมจิมส์ ลอร์ด ซอยร่วมฤดี ถนนเพลินจิต แขวง ลุมพินี เขตปทุมวัน ไปซอยรัชดาภิเษก 19 แขวง ดินแดง เขต ดินแดง กรุงเทพมหานคร ซึ่งระยะทาง 10-12 กิโลเมตร แต่มิเตอร์แท็กซี่ ขึ้นเป็น 23 กิโลเมตร ทำให้แน่ชัดว่าแท็กซี่ตั้งใจโกง หลังจากนั้นได้มีการโต้เถียงกับแท็กซี่คันดังกล่าว จนแท็กซี่ได้แย่งแท็บเลตจากมือเพื่อจะขว้างทิ้งทำลายหลักฐาน ทำให้เกิดความเสียหายสุดท้ายต้องไปแจ้งความที่โรงพัก ซึ่งยามของโรงแรมดังกล่าวได้ปัดการให้ความช่วยเหลือทั้งที่มีการยื้อแย่งกันภายในรถแท็กซี่คันดังกล่าว อ้างไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
โดยมีเนื้อหาว่า "กรณีแท็กซี่โกงใครดูไลฟ์สด อยากให้ช่วยแชร์ไป เพราะ โบกจากรร.จิมส์ ลอร์ด เพื่อไปรัชดา 19 รถมีมิเตอร์ มีไฟว่าง พนักงานที่ รร เป็นชี้ให้โบกตอนรถมา (เนื่องจากฝนตกและซอยร่วมฤดีมืดไม่มีไฟ ไม่ทันสังเกตว่าเปนรถแบบไหน ป้ายขาวหรือไม่นั่งไปซักพักประมาน 15 นาทีโดยรถไม่ติดเลย วิ่งยาวๆ ระยะทาง ไม่เกิน10-12 กม. จนมาสังเกตว่ามิเตอร์ที่ตั้งอยู่ โดนเกียร์รถบังอยู่และพอถึงที่หมาย รถจอด มิเตอร์ขึ้นที่ 23 กิโล 169 บาท นี่เลยถามว่า ผมถามจริงๆ นะ พี่โกงมิเตอร์ใช่ไหม พร้อมให้ดูรูปที่ถ่ายไว้ช่วงบ่ายว่าราคา และระยะ ไม่ถึง ทั้งที่ รถติด และใช้เวลาเดินทางเกือบครึ่งชม. มันบอก ถัาไม่พอใจ งั้นไปส่งที่เก่า พร้อมปิดมิเตอร์และออกรถไป มันบอกว่า มิเตอร์รถบ้านป้ายขาวไม่เหมือนแท๊กซี่ นี่เลยถามว่างั้นชี้แจงมา ไม่เหมือนตรงไหน แต่ที่สังเกต และไม่เหมือนคือ มิเตอร์พี่มันเกินมา 13 กิโล ถูกไหม ระยะมันเกิน มันบอกว่า รถมันเติมน้ำมัน ไม่ใช่ก๊าซ จะเท่ากันได้ไง นี่เลยบอกว่า ไม่เกี่ยว ผมถามถึงระยะทาง ไม่ใช่เชื้อเพลิง ละเถียงกันอยู่ซักพัก ก่อนตัดสินใจไลฟ์สด แล้วมันเลยเปิดเสียงเพลงดังสนั่น เหมือนในคลิป เพื่อไม่ให้ผมพูดให้ข้อมูลอะไร ก่อนจบคลิป ที่ตัดไป นั่นมันแย่งแทบเลตจากมือเพื่อจะขว้างทิ้งทำลายหลักฐาน แล้วมันเหวี่ยงไปหลังคารถ ให้ยามหน้ารร. มาอาไป ผมบอก ยาม พี่ช่วยถ่ายทะเบียนให้หน่อย โทรศัพท์แบตเหลือ1 เปอร์เซ็นต์ และอยู่ในกระเป๋ากางเกง บวกกับฝนตก และมืดมาก พึ่งจะแย่งกลับมาได้เช่นกันยามบอก ไม่ใช่เรื่องของผม ไม่ใช่นายผม ผมจะไปยุ่งทำไม เรื่องของคุณ เคลียเอาเอง สุดท้ายนี้ คำถามที่ตามมา รปภ คิดว่าไม่ใช่นายตัวเอง ไม่ใช่หน้าที่ มันก็ได้นะ แต่สมควรแล้วหรือไม่ ทั้งที่ตอนรถจอด เรายื้อกระชาก ต่อสู้กันอยุ่ในรถ ยามจะไม่สนใจอะไรเลย จริงๆ หรอ ฝากแชร์ได้ เพราะเป็นภัยสังคม ร้ายแรง ปล. ปลอดภัยดี ไม่เป็นไร ไม่ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวได้มีความผิดตามข้อหาแก้ไขดัดแปลงดัดแปลงอุปกรณ์ส่วนควบ (ดัดแปลงมาตรมิเตอร์) โดยจะมีโทษปรับสูงสุด2,000 บาท และข้อหา“เรียกเก็บค่าโดยสารหรือค่าบริการ เกินอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงไว้” ซึ่งจะมีโทษปรับสูงสุด5,000บาท ตาม พรบ.รถยนต์ พ.ศ.2522