ถือเป็นรอยเท้าใหญ่ที่ อนันต์ พ่อของเธอก้าวนำไว้ให้ สองพี่น้อง โอ-จิตติรัตน์ และ โอ๋-เบญจรัตน์ ตันตสิรินทร์ เดินตาม ท่ามกลางสภาพการแข่งขันที่รุนแรงและบริบทการทำธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงจนแทบวิ่งตามไม่ทัน ทั้งสองต้องบริหารธุรกิจให้เติบโตโดยยึดมั่นต่อปรัชญาเก่าของพ่อและแม่ ที่เน้นความซื่อสัตย์-จริงใจ มาผสมผสานกับแนวทางใหม่ของตัวเองผลักดันอาณาจักรเบนซ์ตลิ่งชันให้โลกจำ
ช่วงแรกก่อนที่ “อนันต์” จะส่งไม้ต่อให้ลูกสาวทั้งสองเข้าบริหารงาน อนันต์ทำหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ถ่ายทอดวิชาบริหารการค้าให้อย่างเต็มที่ ทั้งยังวางตำแหน่งให้ลูกตามความถนัด โดย โอ๋-เบญจรัตน์ ตันตสิรินทร์ ลูกสาวคนโตนั่งตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เบนซ์ตลิ่งชัน จำกัด ดูงานด้านบัญชีทั้งหมด ขณะที่ โอ-จิตติรัตน์ ตันตสิรินทร์ ลูกสาวคนเล็ก นั่งตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปฝ่ายบริการหลังการขาย ดูงานด้านบริการทั้งหมด
“พ่อวางรากฐานเบนซ์ตลิ่งชันไว้อย่างแข็งแกร่ง และในฐานะเป็นคนรุ่นที่ 2 ภารกิจที่สำคัญ คือ การ “ต่อยอด” ให้บริษัทเติบโตต่อไป คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ในธุรกิจรถยนต์มาหลายสิบปีท่านขายรถเองตั้งแต่วันแรก ท่านเก่งเรื่องดูแลลูกค้าท่านสอนว่าเราต้องมีความจริงใจ ซื่อสัตย์กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมบริหารและให้ใจกับพนักงาน ท่านย้ำเสมอว่าต้องให้ใจพนักงานก่อน ต่อให้เขาเก่งแค่ไหนแต่ถ้าไม่มีใจให้องค์กรก็ไม่สำเร็จ แต่ถ้าเขามีใจ เขาจะเต็มที่กับองค์กรตรงนี้เป็นสิ่งที่เรายึดมั่นให้ความสำคัญเรื่อยมา โดยส่วนนี้โอจะดูแล ซึ่งเค้าจริงจังและทุ่มเทกับงานมาก” โอ๋-เบญจรัตน์ เริ่มบทสนทนาอย่างเป็นกันเอง
ขณะที่โอ กล่าวเสริมว่า หน้าที่หลักของเธอ คือ ทำให้ลูกค้าเบนซ์พึงพอใจและประทับใจในการให้บริการมากที่สุด ดังนั้นสิ่งที่โอทำ คือ พยายามให้พนักงานทุกคนทุกฝ่ายไม่ว่าจะเขียนออร์เดอร์ ซ่อมรถ ล้างรถ คิวซี ฯลฯ ทุกอย่างต้องอยู่ในมาตรฐานของการบริการที่ดีตลอด
“การจะทำให้ลูกค้าพึงพอใจนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ พนักงานทุกคนต้องรู้สึกแฮปปี้ ถ้าพนักงานรู้สึกไม่แฮปปี้ก็ยากจะสำเร็จ เวลาที่เรารับพนักงานเข้ามาทำงานจะมีคำถามสอบทัศนคติพนักงานหลายคำถาม เพื่อต้องการรู้ว่าเขารักงานบริการจริงหรือเปล่า ถ้าผ่านจึงจะพิจารณารับ ซึ่งบางคนอาจจะไม่เก่งมาก แต่ทัศนคติของเขาผ่าน เราก็รับแล้วเอามาเทรนได้ แต่บางคนเก่งมาก เช่น ทำยอดได้ดี แต่มีทัศนคติในแง่ลบต่อการบริการ เช่น ไม่สนใจลูกค้า เราก็ไม่รับ”
ผ่านการเรียนรู้จนช่ำชองถึงระดับหนึ่งแล้ว ทั้งสองเริ่มสนุก กับการทำงานและความท้าทายรอบด้าน ทั้งสองบอกว่า ยิ่งมีการแข่งขันก็ยิ่งรู้สึกสนุกสนาน เพราะทำให้เธอตื่นตัว ได้คิดตลอดเวลา ว่าก้าวต่อไปเราจะทำอะไร?? อย่างไร?
โอ๋ ยังบอกถึงแผนงานของเบนซ์ตลิ่งชันในยุคสมัยที่ลูกค้ามีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปว่า เพื่อเป็นการรองรับกับจำนวนลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์แบบใหม่ บริษัทจึงตัดสินใจควักกระเป๋า 2 พันล้านบาท เพิ่มลงทุนเพิ่มในส่วนของโชว์รูมใหม่ เป็นสาขาที่จะนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพตั้งแต่ออนไลน์ด้านต่าง ๆ เพื่อจะตอบโจทย์ของลูกค้าให้เกิดความเป็นไปได้ สะดวก รวดเร็ว ตรงใจ เน้นนวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเลือกบริการต่างๆ ได้ตรงตามความต้องการ และนำ และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้ได้มากที่สุด
“สาขาใหม่เราใช้ชื่อ แอทต้า ออโต้เฮ้าส์ (Atta Autohaus) ตั้งอยู่ย่านราชพฤกษ์ จุดเด่นของสาขานี้จะนำเทคโนโลยี-ดิจิทัลออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เข้ามามีบทบาท รวมไปถึงพนักงานที่ให้บริการจะเป็นกลุ่มนิวเจนหรือคนรุ่นใหม่ และการทำงานจะยึดหลัก customer centric โดยจะเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่, อาชีพอิสระอย่างพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์, เจ้าของกิจการ หรืออาจจะเป็นรถคันที่ 2 หรือ 3 ของบ้านที่ต้องการบริการสะดวกสบาย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน” โอ อธิบายเสริม
สำหรับโชว์รูมแอทต้านี้ กำลังอยู่ระหว่าการก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จและเปิดให้บริการได้ก่อนสิ้นปีนี้ “โอ๋ เชื่อว่าโชว์รูมใหม่จะตอบโจทย์ความต้องการคนรุ่นใหม่ได้ดี และหลังจากโชว์รูมแห่งใหม่เปิดให้บริการได้ คาดว่าบริษัทมียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2,000 คันจากยอดขายปีที่ผ่านมาเฉพาะตลิ่งชันสาขาเดียว ทำได้ประมาณ 800-900 คัน” โอ๋-เบญจรัตน์ ตันตสิรินทร์ เล่าสรุปถึงความตั้งใจและความคาดหวังใน แอทต้า ออโต้เฮ้าส์ (Atta Autohaus) ส่งท้ายให้เราฟัง
