กัปตันจักรี การบินไทย เผยเบื้องหลังเที่ยวบิน TG971 ล่าช้าจนผู้โดยสารร้องเรียน เกิดจากปล่อยให้อัปเกรดจองที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสแก่ลูกค้าที่ซื้อตั๋วชั้นธุรกิจ แล้วผู้จัดการสถานีซูริคไม่แก้ไขให้ อ้างกัปตันแค่นอนหลับ ผู้โดยสารมีค่ากว่า กลัวจะร้องเรียน แถมท้าให้จอดเครื่องนอน ระบุ มีแต่ผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นที่สั่งได้ เสนอแนะต่อไปถ้าทำการบินสองคลาส อย่าเปิดให้ลูกค้าชั้นธุรกิจนั่งชั้นเฟิร์สคลาส ลดความเหลื่อมล้ำ
อ่านประกอบ : เจริญ! บินไทย TG971 ดีเลย์ 2 ชั่วโมงครึ่ง เหตุนักบินไม่ยอมเทกออฟเพราะที่นั่งพวกเดียวกันเองไม่ลงตัว จนผู้โดยสารต้องยอมย้ายที่ให้
บินไทยแถลงขอโทษผู้โดยสาร TG971 ดีดี รับเป็นเรื่องร้ายแรง-ชี้ปฏิบัติงานไม่เป็นมืออาชีพ
เปิดหนังสือ ผจก.เที่ยวบินการบินไทย TG 971 อ้างย้ายที่นั่งผู้โดยสารเข้าใจ
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. เฟซบุ๊ก “จักรี ดารารัตน์ จงศิริ” ของ นาวาตรี จักรี จงศิริ กัปตัน ครูการบินและนักบินเทคนิค ฝูงบินโบอิ้ง 734 บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยข้อความถึงเบื้องหลังการล่าช้าของเที่ยวบิน TG971 สายการบินไทย จากนครซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มายังสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 2561 โดยมีผู้โดยสารรายหนึ่งได้ร้องเรียนเข้ามาจนเป็นข่าว ระบุว่า เวลาประมาณ 10.20 น. ลูกเรือและนักบินมาถึงเครื่อง กระทั่งเวลา 10.50 น. พบว่า นักบินเปลี่ยนกะ (Passive หรือ Deadhead Crew) ได้ที่นั่ง 16AB / 16JK ในชั้นธุรกิจ ซึ่งไม่ตรงตามคู่มือ
กัปตันผู้ที่มีอำนาจในการทำการบิน (Pilot-in-Command หรือ PIC) จึงได้โทร.ถามผู้จัดการสถานี (KK) ซูริค ถึงเรื่องการจัดที่นั่งสำหรับนักบินเปลี่ยนกะ (Passive Seat) และขอให้เปลี่ยนที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสสำหรับนักบินเปลี่ยนกะให้อยู่ในโซนเฟิร์สคลาส เนื่องจากเที่ยวบินนี้ปฏิบัติการบินเฉพาะชั้นธุรกิจ (Business Class หรือ B/Class) และชั้นประหยัด (Economy Class หรือ Y/Class) จึงมีที่ว่างให้ชั้นเฟิร์สคลาสสำหรับนักบินเปลี่ยนกะ ใช้ที่นั่งในโซนเฟิร์สคลาสได้ตามสิทธิ แต่ได้รับคำตอบจากผู้จัดการสถานีซูริค ว่า “ที่นั่งเฟิร์สคลาสเต็มแล้ว”
กัปตันผู้มีอำนาจแปลกใจ เนื่องจากตอนกล่าวสรุปก่อนทำงาน ว่า มีผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่ได้นั่งชั้นเฟิร์สคลาส มีเพียง 3 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่งตามลำดับเวลา และไม่แน่ใจว่ามีรายการจองผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่ได้นั่งชั้นเฟิร์สคลาสเพิ่มเข้ามา หรือมีการอัปเกรดผู้โดยสาร หรือมีเหตุผลอื่นใดที่ผู้จัดการสถานีซูริคไม่ได้อธิบายให้เข้าใจ จึงขอให้ผู้จัดการสถานีซูริคอย่าเพิ่งให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Board) ขอให้แก้ปัญหาตรงนี้ก่อน เพราะหากให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องเข้ามาแล้วต้องมีการสับเปลี่ยนที่นั่งภายหลัง จะทำให้แก้ปัญหาภายในเครื่องยุ่งยากกว่าเดิม แต่ผู้จัดการสถานีซูริค ยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนที่นั่งให้ผู้โดยสาร ตอบว่า “กัปตัน Passive แค่นอนกลับ ผู้โดยสารมีค่ากว่า” และกล่าวว่า “เดี๋ยวผู้โดยสารจะร้องเรียน” ก่อนที่ไม่มีการติดต่อใดๆ จากพนักงานภาคพื้นอีกเลย
เวลาผ่านไปถึง 50 นาที เลยเวลาเครื่องออก เป็นครั้งแรกที่ผู้จัดการสถานีซูริคเดินมาหน้าห้องนักบิน บอกว่า “ผู้โดยสารพร้อมแล้ว” กัปตันผู้มีอำนาจบอกว่า “จัดการที่นั่งเรียบร้อยหรือยัง” ได้รับคำตอบว่า ”ทำไม่ได้” ผู้จัดการสถานีซูริคไม่ได้มีคำอธิบายใด ที่จะให้เข้าใจได้มากขึ้น กัปตันผู้มีอำนาจจึงบอกว่า ”ก็ยังไม่ต้อง Board” แต่ผู้จัดการสถานีซูริคกลับแจ้งดังชัดเจนว่า “งั้นก็ AOG เครื่อง เข้าโรงแรมนอนให้หมด” (AOG หรือ Aircraft on Ground คือ การให้เครื่องบินจอด) ทางนักบินทุกคนก็ตกใจ และงงกับคำพูดของผู้จัดการสถานีซูริค ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พูดอย่างนั้นได้อย่างไร เวลาผ่านไป 30 นาที ผู้จัดการสถานีซูริคเดินมาพูดหน้าห้องนักบิน โดยบอกกัปตันผู้มีอำนาจว่า "ให้โทรกลับไปหา OS กัปตันณัฐชัยด้วย” แล้วเดินจากไป
กัปตันและนักบินหลายคนที่นั่งในห้องนักบิน ได้พยายามเชิญผู้จัดการสถานีซูริคให้มานั่งคุย แต่ผู้จัดการสถานีซูริคปฏิเสธและเดินจากไป เวลาผ่านไปอีก 30 นาที ผู้จัดการสถานีซูริคเดินมาแจ้งกัปตันผู้มีอำนาจอีกครั้งว่า “PIC ไปแจ้งเหตุผลแก่ผู้โดยสารหน้าเกท (Gate หรือ ประตูขึ้นเครื่อง) เอง” แล้วก็เดินจากไป อีก 10 นาทีต่อมา ผู้จัดการสถานีซูริคเดินมาพูดว่า “มีแต่ DK เท่านั้นที่จะบอกให้ผมย้ายที่นั่งผู้โดยสารได้” (DK คือ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น ปัจจุบันคือ นางมนัสนันท์ สิทธิจิรสิน) เวลาผ่านไป 10 นาที เจ้าหน้าที่ภาคพื้น (Ground Staff) ผู้หญิงเข้ามาแจ้งว่า ผู้จัดการสถานีซูริคกำลังคุยกับกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริการลูกค้าภาคพื้น เวลาผ่านไป 15 นาที เจ้าหน้าที่ภาคพื้นเข้ามาแจ้งว่า ทุกอย่างเรียบร้อย จึงเริ่มทำการนำผู้โดยสารขึ้นเครื่อง แล้วเสร็จภายใน 20 นาที จึงดำเนินการขออนุญาตทำการบินต่อไป เครื่องบินจอดที่กรุงเทพฯ เวลา 00.06 น. ตามเวลาประเทศไทย
น.ต.จักรี ยังกล่าวถึงข้อเสนอแนะ ว่า เมื่อเที่ยวบินใดทำการบินเฉพาะชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัด ด้วยเครื่องบินที่มีชั้นเฟิร์สคลาส ซึ่งมีอยู่ในเครื่องบินโบอิ้ง 747 และแอร์บัส A380 ขอให้ระบบปิดในพื้นที่ชั้นเฟิร์สคลาส เพื่อผู้โดยสารชั้นธุรกิจจะไม่สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าในชั้นเฟิร์สคลาสได้ ป้องกันปัญหาความเหลื่อมล้ำ การร้องเรียน ความเสียหายของเก้าอี้ อุปกรณ์บนเครื่องบิน หรือปัญหาอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน ขอให้พนักงานภาคพื้นติดต่อสื่อสารกับกัปตันผู้มีอำนาจ หรือหัวหน้าลูกเรือให้เข้าใจรับรู้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้น อย่างถูกต้อง และต่อเนื่อง หากมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปจากเอกสาร หรือการกล่าวสรุปที่ได้รับก่อนการบิน เพื่อนักบินและลูกเรือจะได้เตรียมความพร้อมที่จะให้บริการอย่างถูกต้อง
ส่วนการแก้ปัญหาใดๆ ก็ตามที่ต้องใช้เวลามาก ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงข้อจำกัดเรื่องชั่วโมงการบินของนักบินและลูกเรือด้วย เที่ยวบิน TG 971 วันดังกล่าว ทำการบินโดยนักบินเพียง 3 คน อีกเพียง 2 ชั่วโมงจะหมดเวลาตามข้อกำหนด ก็ต้องยกเลิกไฟล์ท เพราะนักบิน 3 คนที่ต้องทำการบินต่อไปอีก 10-11 ชั่วโมงนั้นไม่อาจทราบว่าจะพบเจออะไรระหว่างทาง และอาจกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยของเที่ยวบินได้ ส่วนลูกเรือเปลี่ยนกะ (Passive) แม้จะไม่ได้ปฏิบัติงานในเที่ยวบินนั้นๆ แต่ก็บินมาเพื่อเตรียมพร้อมในการทำงานในเที่ยวบินขากลับ ขอให้พนักงานภาคพื้นตรวจสอบตรวจตราจัดเตรียมรถรับส่งให้เพียงพอกับนักบินและลูกเรือในวันนั้น เพราะทางสถานีน่าจะทราบข้อมูลล่วงหน้าแล้ว ไม่สมควรให้ลูกเรือหรือนักบินนั่งแท็กซี่ไปโรงแรมเอง เพื่อความปลอดภัย ความเป็นระเบียบ และภาพลักษณ์ที่ดีของสายการบิน เพราะเที่ยวบินวันนั้น นักบินและลูกเรือ 4 คน ต้องเรียกรถแท็กซี่เพื่อนั่งไปโรงแรมที่พักเอง