สำนักงานทรัพยากรน้ำฯ หารือผู้ว่าฯ เพชรบุรี ซักซ้อมแผนเตือนภัยรับมือน้ำท่วมพื้นที่ท้ายน้ำ และการบรรเทาสาธารณภัย หลังประเมินแนวโน้มน้ำล้นสปิลเวย์เขื่อนแก่งกระจาน หลังเที่ยงพรุ่งนี้ คาดได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ระดับน้ำท่วมสูงใกล้เคียงปีที่ผ่านมา
วันนี้ (4 ส.ค.) นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์ลุ่มน้ำเพชรบุรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี จากนั้นเลขาธิการ สทนช. พร้อมคณะได้ขึ้น ฮ.บินสำรวจสถานการณ์น้ำแม่น้ำเพชรบุรี เขื่อนเพชรบุรี เขื่อนแก่งกระจาน และเส้นทางการระบายน้ำออกจากเขื่อนแก่งกระจาน ทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี ตั้งแต่บริเวณท้ายเขื่อน จนถึงปลายแม่น้ำเพชรบุรี ก่อนลงพื้นที่ติดตามผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำที่สำคัญด้วย
นายสมเกียรติ เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ มีข้อสั่งการให้ผมซึ่งเป็นประธานคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ติดตาม กำกับ และบูรณาการบริหารจัดการน้ำหลากในพื้นที่เสี่ยงให้ชัดเจน ดังนั้น สาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเพชรบุรี และประเมินแผนปฏิบัติการรับมือสภาพอากาศและสถานการณ์ฝนช่วงวันที่ 4-8 ส.ค.2561 ที่กรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นบริเวณชายขอบประเทศภาคตะวันตก และ ภาคอีสาน เนื่องจากเป็นแนวปะทะของฝน โดยจะตกมากในภาคตะวันตก และมีน้ำไหลเข้าเขื่อน 4 เขื่อนมากขึ้น คือ ศรีนครินทร์ วชิราลงกรณ แก่งกระจาน และ ปราณบุรี ดังนั้น จึงต้องมีการหารือและเตรียมการในระดับพื้นที่เพื่อซักซ้อมแผนการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเพชรบุรี การระบายน้ำเขื่อนแก่งกระจาน และแผนรองรับผลกระทบจากการระบายน้ำไปยังพื้นที่ท้ายน้ำอย่างใกล้ชิด โดยประกาศให้ชัดเจนว่าพื้นที่ใดบ้างและจะเริ่มได้รับผลกระทบตั้งแต่วันไหนให้ชัดเจน
“จากอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเขื่อนแก่งกระจานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยพบว่า 1 วันปริมาณน้ำขึ้นมามากถึง 150 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 690 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 97% ปริมาณน้ำไหลเข้า 24.8 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำไหลออก 9.3 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเหลือพื้นที่เพียง 40 เซนติเมตร ก็จะล้นทางระบายน้ำล้น หรือ สปิลเวย์ ที่มั่นใจว่า น่าจะล้นภายในเที่ยงวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.61) คิดเป็นปริมาณน้ำไหลผ่านทางระบายน้ำล้นประมาณ 300 ลบ.ม./วินาที ซึ่ง 2 เส้นทางที่น้ำจะไหลผ่าน คือ ลงแม่น้ำเพชรบุรี ที่รับได้ประมาณ 150 ลบ.ม./วินาที และเขื่อนเพชรบุรี รับได้ 50 ลบ.ม/วินาที ดังนั้น ปริมาณน้ำที่เอ่อท่วมก็จะส่งผลตอนล่างของเขื่อนมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น 1-2 เมตร
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจากปริมาณน้ำล้นสปิลเวย์ของเขื่อนแก่งกระจาน ตั้งแต่บริเวณด้านท้ายอาคารระบายน้ำล้นเขื่อนแก่งกระจาน จนถึงเขื่อนเพชร มี 5 อำเภอ ได้แก่ อ.แก่งกระจาน อ.ท่าลาด อ.ท่ายาง อ.บ้านแหลม และ อ.เมือง ซึ่งจากการรายงานของผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้ซักซ้อมแผนป้องกันและเผชิญเหตุ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ทั้งระบบการแจ้งเตือน และเตรียมช่วยเหลือประชาชน และตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเมื่อวันที่ 30 ก.ค. ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ในการกู้ภัยมายังศูนย์ฯ เพื่อพร้อมดำเนินการช่วยเหลือประชาชนได้ทันที และกรมชลประทานได้เร่งดำเนินการขุดทางเพื่อเชื่อมต่อทางระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้เร็วขึ้น และระดมเครื่องสูบน้ำมาในพื้นที่ โดยเฉพาะการเร่งสูบน้ำในเขตเทศบาลเมืองที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้คาดว่าน้ำที่ไหลท่วมจะระบายออกได้เร็วขึ้นอย่างน้อยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ขณะที่พื้นที่ลุ่มต่ำก็น่าจะประมาณ 1-2 เดือน