ปรับปรุงข้อมูลเพิ่มเติม 24 ก.ค. 2561 เวลา 15.45 น.
เปิดประวัติ “ภานุวัฒน์ ปุณณรัตนกุล” ที่แจ้งความเอาผิด “วัน อยู่บำรุง” ทำร้ายร่างกายที่ผับย่านทองหล่อ พบอยู่กลุ่มเดียวกับ “ไผ่ วันพอยท์” เคยคบกับ “กัสจัง” แต่ได้เลิกกันไปแล้ว พบเคยอยู่ในกลุ่มพกปืนอวดเบ่ง อ้างพ่อเป็นนายพล ที่แท้ก็พ่อเพื่อน โดนข้อหาพกพาอาวุธในที่สาธารณะ
จากกรณีที่ นายวัน อยู่บำรุง อายุ 44 ปี เจ้าของฉายา “ใจถึง...พึ่งได้” บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้ามอบตัวต่อตำรวจกองปราบปราม เมื่อวันที่ 23 ก.ค. หลังถูกออกหมายจับจากศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหาร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธ และร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น หลังก่อเหตุร่วมกับพวกทำร้ายร่างกาย นายภานุวัฒน์ หรือ อั๋น ปุณณรัตนกุล อายุ 34 ปี ที่ลานจอดรถร้านเดโม่ผับ ซอยทองหล่อ 10 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. เมื่อคืนวันที่ 23 เม.ย. ที่ผ่านมา สาเหตุเพราะเคยมีปัญหากับนายอาชวิน หรือ กาโม่ อยู่บำรุง บุตรชายนายวัน ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งหลังเกิดเหตุ นายภานุวัฒน์ ไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ พร้อมกับเข้าร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพล กระทั่งนำไปสู่การออกหมายจับนายวัน และนายยศพัฒน์ สัมพันธ์ชัย ลงวันที่ 19 มิ.ย. ที่ผ่านมา
รายงานข่าวแจ้งว่า นายภานุวัฒน์ ปุณณรัตนกุล หรือ นายอั๋น เป็นลูกชายเจ้าของร้านทองแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี สมาชิกกลุ่มนักแข่งรถชื่อดังที่ชื่อว่า “กลุ่มวันพอยท์” ซึ่งหนึ่งในสมาชิกคือ นายไผ่ ลิกค์ หรือ “ไผ่ วันพอยท์” อดีต ส.ส.กำแพงเพชร พรรคเพื่อไทย ที่เคยลงมาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างนายกาโม่ กับแก๊งวันพอยท์ โดยนายอั๋นเป็นเจ้าของรถหรูราคาแพงหลายคัน และเป็นเจ้าของร้านอาหารในต่างจังหวัด เมื่อปี 2556 เคยมีข่าวว่าได้คบหาดูใจกับนักแสดงสาว กัสจัง จิรันธนิน พิทักษ์พรตระกูล และเปิดตัวในงานแต่งงานของ ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง แต่ได้ห่างกันเมื่อกลางปี 2557 หลังจากที่นายอั๋นไปเรียนต่างประเทศและมีแฟนใหม่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่มีรายงานข่าวระบุว่า เป็นนักธุรกิจทายาทรุ่นที่ 2 ของห้างทอง “แม่ทองสุก” ที่มีอยู่ 5 สาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น กลุ่มบริษัทเอ็มทีเอสโกลด์ แม่ทองสุก ของตระกูล "หิรัณยศิริ" ชี้แจงว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเป็นทายาทร้านทอง "แม่ทองสุก" และไม่มีทายาทนามสกุล "ปุณณรัตนกุล"
อย่างไรก็ตาม นายภานุวัฒน์ เคยมีปัญหากับตำรวจมาแล้ว โดยเมื่อเวลา 07.30 น. ของวันที่ 29 ส.ค. 2559 พ.ต.ท.อชิรเวชชน์ สุพรรณเภสัช สารวัตรจราจร สน.ภาษีเจริญ ซึ่งขณะนั้นเป็นยศ ร.ต.อ. ตำแหน่งรองสารวัตรปราบปราม สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งจากทางร้านอาหารชาการิกิ ระหว่างซอยทองหล่อ 14-16 สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ว่า มีลูกค้านำอาวุธปืนออกมาโชว์พร้อมทั้งสูบบุหรี่ ทำให้แขกที่มาใช้บริการเกิดความหวาดกลัว จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบกลุ่มผู้ก่อเหตุนั่งกันอยู่ 5 ราย แบ่งเป็นชาย 3 ราย และหญิง 2 ราย เมื่อเข้าตรวจค้นพบว่า นายภานุวัฒน์ และ นายสุปรีชา บุญยง พกอาวุธปืนยี่ห้อเอสทีไอ ขนาด.45 และยี่ห้อซีแซด ขนาด 7.65 เครื่องกระสุนปืนพร้อมใช้งานคนละกระบอก จึงคุมตัวมาสอบสวน
หลังเกิดเหตุ เฟซบุ๊กส่วนตัว “Ajiravedh Subarnbhesaj” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ตนได้เข้าไปตักเตือน แต่กลับอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ และพบว่า มีการพกพาอาวุธปืนเข้ามาในร้าน และจากการตรวจสอบ ก็พบว่าผู้ชาย 2 คนที่เป็นเจ้านายกับคนขับรถในนั้นมีอาวุธปืนอยู่จริง เหน็บอยู่ที่ตัวคนละกระบอกพร้อมเครื่องกระสุนอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ในตอนแรกที่เข้าตรวจค้นนั้น มีปากเสียงกันพอสมควร ฝ่ายผู้ต้องหาก็กวนประสาทอ้างรู้จักคนโน้นคนนี้เต็มไปหมดซึ่งตนไม่สนใจ จึงได้ทำการควบคุมตัว และเชิญไปโรงพัก หนึ่งในผู้ต้องหาที่มีใบหน้าตี๋ รูปร่างผอม ผมสีทอง ถามตนว่า เป็นรอง สวป. อยู่ สน.ทองหล่อ ใช่ไหม แล้วกล่าวว่า “ได้เลยพี่เดี๋ยวพี่จะรู้เลยว่าผมเป็นใคร พ่อผม เป็นทหารยศพลเอก เตรียมทหารรุ่นที่ 12 แล้วผมจะคอยดู ว่าพี่จะว่ายังไงกับผม”
จากนั้น พ.ต.ท.อชิรเวชชน์ ได้ให้ชายคนดังกล่าวต่อสายไปยังนายทหารยศพลเอกคนดังกล่าว ผลที่ออกมาก็คือ ทหารยศพลเอก ที่ว่าไม่ใช่พ่อจริงๆ เป็นพ่อของเพื่อนชายคนนั้น และชายคนนั้นมักอ้างว่าเป็นพ่อบุญธรรม ที่สำคัญ นายทหารคนนี้ รู้จักกับพ่อตนดี (พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตรอง ผบ.ตร.) พูดมาอย่างชัดเจนว่า “ไอ้นี่ก่อเรื่องและอ้างอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว เป็นที่น่าเบื่อหน่าย เพราะผิดไม่รู้จักผิด ให้ดำเนินคดีอย่างเต็มที่” สุดท้ายจึงจับกุมตัวมาดำเนินคดีในข้อหาพกพาอาวุธและเครื่องกระสุนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งก่อนส่งตัว ชายคนนี้ก็พยายามขอร้องให้ปล่อย ขอให้ช่วยจนเป็นที่น่ารำคาญ สุดท้ายด้วยความเหลืออดเลยกล่าวว่า “มึงอายุตั้ง 30 กว่า ทำอะไรไว้ทำไมไม่รู้จักรับผิดชอบเอง พ่อกูก็พลเอก แต่ตั้งแต่เกิดมากูก็ไม่เคยเอาพ่อกูไปอ้างไปเบ่งใส่ใคร ไม่เคยให้พ่อกูตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวแก้ปัญหาให้ กูทำอะไรผิดกูก็รับเองไม่เคยให้พ่อกูมาเดือดร้อน นี่มึงลูกเขาแท้ๆ ก็ไม่ใช่ ยังหาเรื่องให้เขามาปวดหัวอีก”