ผู้บัญชาการทหารบก มอบให้ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการถอดบทเรียนถ้ำหลวง ในวันที่ 24 ก.ค. พร้อมพัฒนาทักษะกำลังพล เตรียมสร้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านรองรับเหตุการณ์วิกฤต เผยส่งกำลังพล 1,323 นายช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี่
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. รายงานข่าวจากกองทัพบก ระบุว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก มอบหมายให้หน่วยงานของกองทัพบกที่เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้สรุปข้อมูลการปฏิบัติงานในภาพรวม ทั้งด้านการใช้ยุทโธปกรณ์ การบริหารจัดการกำลังพล วิธีการค้นหากู้ภัย เพื่อใช้ประโยชน์เป็นฐานข้อมูล เป็นแนวทางและวิธีการในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยในโอกาสต่อไป รวมทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานการบรรเทาสาธารณภัย ของกองทัพบกให้เท่าทันต่อเหตุวิกฤตต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกยังมีนโยบายให้หน่วยทหารเร่งพัฒนาทักษะกำลังพล ให้มีความสามารถในการปฏิบัติงานในภาวะเสี่ยงและยากลำบากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง ในลักษณะเป็นผู้ชำนาญการพิเศษ เพื่อให้สามารถนำความเชี่ยวชาญดังกล่าวไปใช้ในการบรรเทาสาธารณภัยหรือเหตุการณ์วิกฤตในอนาคต อาทิ การดำน้ำกู้ภัย การเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุด้วยวิธีเฉพาะ เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสานต่อและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการในภาวะวิกฤต ตามแนวนโยบายข้างต้น ผู้บัญชาการทหารบก มอบให้ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “ระบบการจัดการบริหารเหตุการณ์วิกฤต” ในวันที่ 24 ก.ค. ณ แหล่งสมาคมหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ลพบุรี โดยเชิญผู้สัมมนาที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจค้นหากู้ภัยที่ถ้ำหลวง จ.เชียงราย อาทิ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (ทีมรังนกจากเกาะลิบง), ทีมสำรวจและขุดเจาะถ้ำ จาก ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด, บริษัท วอเตอร์ รีซอร์ช เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, บริษัท จีโอเมคคานิคอล เซอร์วิสเซส จำกัด, สมาคมกู้ภัยภูซางการกุศล จ.พะเยา (ฝ่ายสื่อสารภายในถ้ำ), จิตอาสาและอาสากู้ภัย (ฝ่ายลำเลียงสนับสนุนภายในถ้ำ), คณะที่ปรึกษาทางทหารสหรัฐประจำประเทศไทย, สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย, ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล กองบัญชาการกองทัพไทย, หน่วยงานภายใน และกรมฝ่ายเสนาธิการของกองทัพบก เป็นต้น
โดยการสัมมนาประกอบด้วยการบรรยายและสาธิต “การจัดการบริหารเหตุการณ์วิกฤต” โดยผู้แทนศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล, การบรรยายผลการปฏิบัติงานและบทเรียนที่ได้รับสู่การเตรียมความพร้อมในอนาคตโดยหน่วยที่ร่วมภารกิจ รวมทั้งการจัดกลุ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อต่างๆ เช่น “ประชารัฐร่วมใจ ค้นหา/กู้ภัยทีมหมูป่า”, “จัดการอย่างไรเมื่อต้องเอาชนะธรรมชาติและแข่งกับเวลา” และ “บทเรียน สู่องค์ความรู้ : Best Practice” ทั้งนี้ กองทัพบกเชื่อว่าการสัมมนาดังกล่าวจะช่วยสานต่อความร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการดูแลประชาชนในสถานการณ์วิกฤตต่อไป
อนึ่ง ในเหตุการณ์ช่วยเหลือ 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน กองทัพบกได้ส่งกำลังพล 1,323 นาย จาก กองทัพภาคที่ 3, หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ, ศูนย์การบินทหารบก, มณฑลทหารบกที่ 37, กองพลทหารราบที่ 4, กองพลทหารราบที่7, กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์, กองกำลังนเรศวร, กองกำลังผาเมือง และกรมแพทย์ทหารบก ภายใต้การอำนวยการจากศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก พร้อมยุทโธปกรณ์และเครื่องมือบรรเทาสาธารณภัย อาทิ เอลิคอปเตอร์ แบบ MI 17, เฮลิคอปเตอร์ เบลล์ 212 ,เฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก, รถครัวสนาม และโรงพยาบาลสนามเคลื่อนที่ เข้าร่วมปฏิบัติการในระหว่าง 23 มิ.ย.-10 ก.ค. 2561