เชียงราย - เอกอัครราชทูตออสเตรเลียขอบคุณไทยให้โอกาสร่วมปฏิบัติการถ้ำหลวง มอบเสื้อสัญลักษณ์ไทย-ออสเตรเลียติดโบดำรำลึก “จ่าแซม” พร้อมหมวกตำรวจออสซี ให้ “ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์” ขณะที่จิตอาสาแห่สมัครร่วมบิ๊กคลีนนิ่งถ้ำหลวงพรุ่งนี้
วันนี้ (13 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่าง 12-13 ก.ค.นี้ทางจังหวัดเชียงรายได้ตั้งโต๊ะที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย รับสมัครจิตอาสาฯ ร่วมโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา ในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ค.) หลังจากปฏิบัติการช่วยเหลือเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี แม่สาย ได้เสร็จสิ้นลง และปิดศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานฯ ไปแล้วเมื่อค่ำวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าวันแรกมีจิตอาสาสมัครเข้าร่วมแล้วกว่า 1,000 คน และยังคงมีคนเดินทางไปสมัครต่อเนื่อง
ด้านนาย Paul Robilliard เอกอัครราชทูตประเทศออสเตรเลียประจำประเทศไทย ได้เดินทางไปพบ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.พะเยา ในฐานะอดีตผู้บัญชาการศูนย์ฯ ที่โรงแรมแม่โขงเดลต้า อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อขอบคุณในความร่วมมือ และการให้ทีมออสเตรเลียเข้าร่วมในปฏิบัติการดังกล่าว
ในโอกาสนี้เอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้มอบเสื้อสัญลักษณ์ความร่วมมือไทย-ออสเตรเลีย แขนขวามีสัญษณ์โบสีดำเพื่อรำลึกถึง จ่าเอก สมาน กุนัน หรือจ่าแซม ที่เสียชีวิตในปฏิบัติการดังกล่าว ด้านหลังเสื้อมีอักษรว่า “สู้ๆ ทีมหมูป่า” และหมวกตำรวจออสเตรเลีย 1 ใบ ให้ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ พร้อมยกย่องการปฏิบัติการของประเทศไทยโดยเฉพาะการบริหารจัดการภายใต้ภาวะวิกฤต และเชิญชวนให้มีความร่วมมือระหว่างกันในอนาคตอีกด้วย
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า ความจริงเราต้องขอบคุณเขามากกว่า โดยเฉพาะนายแพทย์ ริชาร์ด แฮร์ริส ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยชีวิตเด็กๆ ทีมหมูป่าทั้ง 13 คนเป็นอย่างมาก ซึ่งในโอกาสนี้ทางออสเตรเลียแจ้งว่าหากน้ำในถ้ำหลวงแห้งลงก็จะขออนุญาตเดินทางมาดูพื้นที่อีกรอบ เพื่อพบปะกับทีมงานที่เคยปฏิบัติงานร่วมกัน รวมทั้งไปเยี่ยมเยียนครอบครัวและเด็กๆ ทั้ง 13 คนด้วย
นอกจากนี้ยังพูดคุยเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับวิธีการการถอดบทเรียนจากทั้ง 2 ฝ่ายจากเหตุการณ์นี้ การหารือความสัมพันธ์ในอนาคตเรื่องความร่วมมือเพื่อไม่ปล่อยให้เรื่องนี้หายไป โดยเสนอให้มีการร่วมกันฝึกซ้อมไทย-ออสเตรเลีย โดยเฉพาะการดำน้ำ โดยผลัดกันเป็นเจ้าภาพเพื่อประโยชน์ในอนาคต เป็นต้น
นายณรงค์ศักดิ์กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้แม้ภารกิจจะประสบความสำเร็จไปแล้ว แต่หลังจากทีมแพทย์และทีมช่วยเหลือจำนวน 3 คนเดินออกจากถ้ำเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา น้ำได้ทะลักเข้าท่วมถ้ำในปริมาณมากเพราะมีฝนตกลงมาและน้ำซึมจากทั่วบริเวณจนท่วมเกือบถึงห้องโถงด้านหน้าสุด จึงต้องปล่อยวัสดุอุปกรณ์หลายรายการอยู่ภายในถ้ำ ยังไม่เข้าไปเก็บกู้เพราะต้องการให้เกิดความปลอดภัย และไม่เสี่ยงเกินไป ซึ่งหากอุปกรณ์ของหน่วยงานใดเสียหายก็จะพิจารณาแก้ไขในอนาคตต่อไป
สำหรับอาการของเด็กๆ และโค้ชทีมหมูป่าทั้ง 13 คนนั้น นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า สอบถามแล้วทั้งหมดอาการดีขึ้น เดิมแพทย์ประเมินว่าจะให้อยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 7-10 วัน แต่เมื่ออาการดี และผลการเจาะเลือดก็ไม่พบปัญหา มีเพียงคนที่ติดเชื้อเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ทำให้อาจจะสามารถกลับบ้านได้เร็วกว่ากำหนด
“อย่างไรก็ตาม ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์เป็นสำคัญด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่ได้มีแต่เรื่องทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังต้องดูภาวะทางจิตใจด้วยว่าทั้ง 13 คนและครอบครัวมีความพร้อมหรือไม่ ซึ่งเมื่อกลับไปอยู่บ้านแล้วเชื่อว่าจะมีคนรุมไปหา โดยเฉพาะสื่อมวลชน ต้องขอความกรุณาในเรื่องนี้กันด้วย เนื่องจากมีผลทั้งร่างกายและจิตใจที่ทุกคนจะต้องช่วยกันเยียวยา”