วันนี้ (6 ก.ค.) นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบระดับน้ำภายในถ้ำพบว่าที่บริเวณโถง 1 โถง 2 และ โถง 3 ลดลงเป็นที่น่าพอใจ บางจุดสามารถสามารถเดินได้ ส่วนบริเวณจุดที่เป็นสามแยกระดับน้ำยังมีอยู่มากเพราะตรงนั้นเป็นไซฟ่อน และมีลักษณะคดเคี้ยวและระดับน้ำค่อนข้างสูง
ตามแผนเดิมคือหากจะให้เด็กดำน้ำออกมาจะมีจุดวิกฤตที่แคบมากและเด็กต้องดำออกมาคนเดียวในระดับน้ำที่ลึกและเป็นระยะทางยาว จุดดังกล่าวหน่วยซีลไม่สามารถประกบได้ และอันตรายต่อตัวเด็กซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ยังไม่สามารถพาทีมหมู่ป่าออกมาได้
ส่วนภายในมีรายงานว่าออกซิเจนภายในถ้ำลดระดับลง เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงานในถ้ำจำนวนมากทำให้อากาศน้อยลง จึงต้องมีการเติมออกซิเจนเข้าไป โดยทำได้ 2 วิธี คือ 1. นำเข้าไปให้แต่ละคนใช้สำหรับหายใจ 2. การเติมที่ระบบอัดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปภายในถ้ำ โดยขณะนี้ได้เตรียมสายอากาศออกซิเจนที่มีความยาว 5 กิโลเมตร ลากเข้าไปด้านในถ้ำเพื่อเติมอากาศ
ส่วนการต่อสายโทรศัพท์เข้าไปด้านในถ้ำเพื่อให้ทีมหมูป่าได้คุยโทรศัพท์กับญาติยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ สายอยู่บริเวณสามแยก
ส่วนการค้นหาด้านบนของภูเขาขุนน้ำนางนอนนั้นกำลังดำเนินการอยู่ ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาพิกัดของโพรงเหนือถ้ำได้ แต่วันนี้วันนี้จะมีอุปกรณ์การจับแรงสั่นสะเทือนที่จะนำไปใช้ในการเคาะด้านในให้มีการสั่นสะเทือนเพื่อหาพิกัดโพร่งหรือปล่อง
ทั้งนี้ มีการประเมินว่าอาจจะนำตัวน้องๆ ทุกคนออกมานอกตัวถ้ำ ตามทฤษฎีคิดว่าเวลากลางคืนน่าจะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากน้องทุกคนอยู่ในถ้ำมาเป็นเวลานาน เมื่อออกมาในเวลากลางคืน สภาพร่างกายจะได้ไม่ต้องปรับตัวมาก
อย่างไรก็ตาม ได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่หน่วยซีลพบว่าเด็กๆ มีอาการที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่มี 3 คนที่ยังมีอาการอ่อนเพลีย ทั้งหมดมีความคาดหวังว่าจะได้ออกมาพบกับครอบครัว
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. กล่าวว่า จากการวัดระดับน้ำพบว่าจากระยะปากถ้ำลึกเข้าไป 300 เมตร จาก 80 เซนติเมตร ลดลงเหลือ 60 เซนติเมตร และล่าสุดเมื่อ 06.00 น. ลดลงเหลือ 58 เซนติเมตร