แท็กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมิเตรียมยื่นหนังสือต่อกระทรวงคมนาคม ขอปรับค่าโดยสารขึ้นราคาเซอร์วิสชาร์จเป็น 75 บาท และคิดค่าโดยสารตามจำนวนสัมภาระอีกด้วย โดยกระเป๋า 2 ใบแรกฟรี ใบที่ 3 คิดเพิ่ม 10 บาท ใบที่ 4 เพิ่ม 30 บาท
วันนี้ 18 มิ.ย. เพจ “Taxi report TH” ได้เปิดเผยข้อมูลหลังพบว่าแท็กซี่ในสนามบินสุวรรณภูมิเตรียมยื่นหนังสือต่อกระทรวงคมนาคม ขอปรับค่าโดยสารตามที่กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบก แจ้งว่าจะดำเนินการปรับค่าโดยสารมิเตอร์เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ โดยยื่นหนังสือไปเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2561 และขอคำตอบภายใน 1 เดือน อ้างได้ทำการปรับปรุงคุณภาพของตัวรถ และมีการอบรมมารยาทคนขับให้สามารถให้บริการได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดแล้ว
ผู้โพสต์ระบุเนื้อหาว่า “แท็กซี่สุวรรณภูมิขอขึ้นราคาเซอร์วิสชาร์จเป็น 75 บาท พร้อมชาร์จค่ากระเป๋าเดินทาง นายศดิศ ใจเที่ยง นายกสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย และคณะทำงานจัดระเบียบรถบริการสาธารณะภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (แท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ) ได้ยื่นหนังสือทวงถามต่อกระทรวงคมนาคม ขอปรับค่าโดยสารตามที่กระทรวงคมนาคม และกรมการขนส่งทางบก แจ้งว่า จะดำเนินการปรับค่าโดยสารมิเตอร์เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ ในเฟสสอง ซึ่งเฟสแรก ได้มีการดำเนินการปรับราคาไปแล้ว 13 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ตกลงไว้ตั้งแต่ปี 2557
อย่างไรก็ตาม การขอปรับขึ้นค่าโดยสาร 5 เปอร์เซ็นต์ ต้องการให้พิจารณา พร้อมขอคำตอบภายใน 1 เดือน และต้องการให้ปรับในช่วงระยะทางเกินกว่ากิโลเมตรที่ 1 - 10 กิโลเมตร ละ 8 บาท จากเดิม กิโลเมตรละ 5.50 บาท และกิโลเมตร 10 - 20 กม. ละ 9 บาท จากเดิมกิโลเมตรละ 6.50 บาท เพื่อสอดคล้องกับต้นทุน โดยคงค่าโดยสารมิเตอร์เริ่มต้น 35 บาทเช่นเดิม ในส่วนของการปรับค่าธรรมเนียมการให้บริการแท็กซี่ปกติในสนามบินราคาใหม่จะมีราคา 75 บาท และรถแท็กซี่ 7 ที่นั่ง ราคา 95 บาท
นอกจากนี้ จะมีการคิดค่าโดยสารตามจำนวนสัมภาระอีกด้วย เพราะผู้โดยสารในสนามบินส่วนใหญ่จะมีสัมภาระจำนวนมาก บางคนมีกระเป๋าประมาณ 4 - 6 ใบ ดังนั้น จะมีการคิดอัตราใหม่ โดยกระเป๋า 2 ใบแรกจะให้บริการฟรีสำหรับผู้โดยสาร ส่วนกระเป๋าใบที่ 3 จะคิดค่าบริการ 10 บาท หากผู้โดยสารมีกระเป๋าตั้งแต่ใบที่ 4 ขึ้นไปคิดราคาใบละ 30 บาท โดยให้เหตุผลว่า ขณะนี้แท็กซี่ส่วนใหญ่ที่ให้บริการในสนามบินทั้ง 2 แห่ง ได้ปรับปรุงคุณภาพของตัวรถ และมีการอบรมมารยาทคนขับให้สามารถให้บริการได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดแล้ว โดยรถแท็กซี่ที่ให้บริการภายในสนามบิน 75 เปอร์เซ็นต์ เป็นรถใหม่อายุเฉลี่ย 3 - 5 ปี และไม่มีการปฏิเสธผู้โดยสาร
ซึ่งในแต่ละวันต้องมีรายได้ 2,000 บาท เนื่องจากมีต้นทุนในการวิ่งแบ่งเป็นค่าน้ำมัน 800 บาท (ไปสนามบินสุวรรณภูมิ 3 เที่ยว) ค่างวดรถ 850 บาทต่อวัน ค่าสึกหรอรถ 300 บาท และต้องวิ่งไม่ต่ำกว่า 15 ชั่วโมง ถึงจะอยู่รอดและคุ้มค่า”
ทั้งนี้ หลังเรื่องราวดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ ทำให้ชาวเน็ตได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และเข้ามาแสดงความคิดเห็นหลายด้าน บางส่วนเห็นด้วยถ้ามารยาทและรถมีคุณภาพดีขึ้นเชื่อว่าคุ้มค่า แต่บางส่วนก็มีความคิดว่าแพงเกินไป
