สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยราษฎร พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ฝึกอบรมจิตอาสาฯ เพื่อสร้างผู้นำในการพัฒนาชาติ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ฝึกอบรมจิตอาสา 904 “หลักสูตรหลักประจำ” รุ่นที่ 1/61 “เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์” เพื่อทำให้ประเทศชาติมั่นคง และประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

วันนี้ (15 มี.ค.) เวลา 08.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมจิตอาสา 904 “หลักสูตรหลักประจำ” รุ่นที่ 1/61 “เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์” ณ อาคารอเนกประสงค์กองพันฝึกส่วนหลัง กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์

พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึงความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ ทรงมีพระราชปณิธานแน่วแน่ที่จะทำให้ประเทศชาติมั่นคงและประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมีพระราชประสงค์ที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมทั้งแนวพระราชดำริต่างๆ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน และการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า

เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 ก.ค. 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการในพระองค์ ร่วมกับหน่วยราชการต่างๆ และประชาชนทุกหมู่เหล่าที่มีจิตอาสาบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ต่างๆ รอบกรุงเทพมหานคร อันเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนในด้านต่างๆ ผ่านโครงการในพระราชดำริ “จิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ” โดยปัจจุบันนี้มีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนจิตอาสา “เราทำความดีด้วยหัวใจ” ทั่วประเทศรวมแล้วกว่า 4 ล้านคน และจากการที่มีจำนวนจิตอาสาที่เพิ่มมากขึ้นนี้เอง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีระบบการจัดการที่ขยายครอบคลุมที่ดี มีวิทยากรที่สามารถถ่ายทอดความรู้ และมีผู้นำขบวนการที่มีขีดความสามารถ อันจะเป็นพลังขับเคลื่อนที่จะทำให้โครงการจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ อันเป็นโครงการในพระราชดำริในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์กล่าวต่อว่า ด้วยพระราชปณิธานอันแน่วแน่ที่มีพระราชประสงค์อยากให้สมาชิกโครงการจิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ มีประสิทธิภาพ เป็นผู้นำที่สามารถพัฒนาสามารถตอบสนองต่อการแก้ปัญหา และพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างแท้จริง จึงได้พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณให้หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ โดยกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ จัดการฝึกอบรมจิตอาสา 904 “หลักสูตรหลักประจำ” รุ่นที่ 1/61 “เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์” โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อใช้เป็นงบประมาณในการฝึกอบรม ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงอาคารโรงนอน อาคารอเนกประสงค์ โรงเลี้ยง โรงประกอบเลี้ยง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย อันส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงคัดสรรวิทยากรผู้มีความรู้ความสามารถมาถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมได้อย่างดียิ่ง อีกทั้งยังสนพระราชหฤทัยและทรงพิถีพิถันในการออกแบบเครื่องแต่งกาย และเครื่องหมายประจำหลักสูตร เพื่อให้ผู้ที่เข้ารับการอบรมได้เกิดความภาคภูมิใจ และมีความมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดความรู้ต่างๆ ที่ได้รับสู่ภาคประชาชนผู้เป็นจิตอาสา 904 ในทั่วทุกภูมิภาคต่อไป

ด้าน พ.อ.จักรชัย ศรีคชา หัวหน้านายทหารควบคุมประจำ กอ.ฝึก หลักสูตรการฝึกอบรมจิตอาสา 904 “หลักสูตรหลักประจำ” รุ่นที่ 1/61 “เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์” กล่าวว่า หลักสูตรนี้มีผู้เข้ารับการอบรมทั้งหมด 384 นาย แบ่งเป็นเพศชาย 192 นาย เพศหญิง 192 นาย ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชบริพาร กรม.ทม.รอ. ข้าราชบริพารนายทหารราชองครักษ์ในพระองค์ 904 ข้าราชบริพารหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็ก 904 และนักเรียนทหารจาก กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น โดยเนื้อหาวิชาในรุ่นที่ 1 นั้นมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิถึง 36 คน ที่มีตั้งแต่ระดับองคมนตรี ไปจนถึงปราชญ์ชาวบ้าน ที่มีความชำนาญในเรื่องโครงการในพระราชดำริต่างๆ ของในหลวง รัชกาลที่ ๙

หลักสูตรการเรียนประกอบไปด้วย 6 หมวดวิชาด้วยกัน คือ 1. วิชาทหารทั่วไปและความสมบูรณ์ของร่างกาย 2. วิชาอุดมการณ์และสถาบันพระมหากษัตริย์ 3. วิชาอบรมความรู้จิตอาสา 4. วิชาชีพบังคับ เช่น ศาสตร์พระราชา วิชาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ฯลฯ 5. วิชาชีพเลือก ซึ่งผู้เข้ารับการอบรมจะเลือกเรียนได้ 2 วิชา เช่น ช่างไม้ ช่างปูน ช่างสี ฯลฯ และ 6. การศึกษาดูงานในสถานที่ต่างๆ โดยมีระยะเวลาในการฝึกอบรมรวมทั้งหมด 6 สัปดาห์ ซึ่งเริ่มเรียนตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.-30 เม.ย. 2561 ผู้ที่สำเร็จการอบรมจนครบหลักสูตรแล้ว ในวันปิดภาคเรียนจะได้รับพระราชทานปีกเครื่องหมายที่มีพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. ประดับเครื่องแบบ