นายกฯ แจง “งานอุ่นไอรัก คลายความหนาว” เป็นกระแสที่ ปชช.จะร่วมทำความดี ระลึกถึงคุณค่าประเทศไทย ขอบคุณทุกฝ่ายร่วมจัดงาน สั่งปลุกกระแสแต่งชุดไทยลงชุมชน วกเข้าละครบุพเพสันนิวาส บอกโบราณเกินไปที่จะเป็นหมื่นเดช กำชับ มท.-ความมั่นคง ดูแล ปชช.ช่วงสงกรานต์
วันนี้ (13 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการต่อยอดจากงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว และละครบุพเพสันนิวาส เพื่อให้คนไทยหันมาสนใจประวัติศาสตร์ว่า หมื่นกับออเจ้าใช่ไหม ตนยังไม่ได้ดูเรื่องนี้ แต่ตนเห็นจากโฆษณา กระแสข่าวต่างๆ ส่วนที่มีคนไปบอกว่ารัฐบาลโหนกระแสคงไม่ใช่ สิ่งที่เราทำคือแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งไว้ว่า รักษา สืบสาน และต่อยอด ทั้งการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไทย วัฒนธรรมไทย และการสืบสานนำมาทำละคร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทาน งานอุ่นไอรักฯ ก็เป็นกระแสที่ประชาชนจะร่วมกันทำความดี คือระลึกถึงสิ่งที่มีคุณค่าของประเทศไทย ตนได้ให้แนวทางไปว่าส่งเสริมและต่อยอดต่อไป ทั้งเรื่องการท่องเที่ยวชุมชน การท่องเที่ยวตามโบราณสถานต่างๆ ให้คนที่ไปท่องเที่ยวแต่งชุดไทยไปถ่ายภาพ ซึ่งจะทำให้เกิดกิจกรรมในพื้นที่ เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในชุมชน และการค้าขายทั้งร้านอาหารและร้านกาแฟอีกด้วย
“เราต้องนำเอาประวัติศาสตร์มานำประเทศไทย เพื่อไม่ให้ลืมประวัติศาสตร์ของตัวเอง ผมขอขอบคุณผู้จัดละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ที่ทำละครอิงประวัติศาสตร์ออกมา ก็ขอให้ทำกันต่อไป แต่ขออย่าทำให้อะไรเสียหาย เพราะมีกรอบอยู่ วันนี้ออเจ้าฉายทุกวันพุธ-วันพฤหัสบดี หลายคนบอกว่าผมไม่ได้ให้เวลาเขา ผมพูดในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทุกวันศุกร์ แล้วไปเกี่ยวอะไรกับวันพุธ-วันพฤหัสบดี ก็หาเรื่องกันไป รายการออกคืนวันศุกร์ไม่ได้รบกวนออเจ้าเลย พระเอกชื่ออะไรนะ หมื่นเดช ใช่ไหม นายกฯ คงเกินที่จะเป็นหมื่นเดชแล้ว เพราะนั้นเขายังหนุ่ม เรามันโบราณ คงเป็นคนรับใช้แถวๆ นั้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ด้าน พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในที่ประชุม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีส่วนร่วมในการจัดงาน “อุ่นไอรัก คลายความหนาว” และขอให้หน่วยงานต่างๆ ใช้พระราโชบายของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของคนไทย เผยแพร่ไปสู่ชุมชนต่างๆ โดยในขณะนี้มีกระแสการแต่งกายชุดไทยกำลังเป็นที่นิยม นายกรัฐมนตรีจึงอยากให้กระแสนี้ลงไปสู่ชุมชนต่างๆ เพื่อเผยแพร่ให้มีรายได้ ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอันดีของแต่ละชุมชน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังเน้นย้ำถึงเรื่องการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่จะถึงในเดือน เม.ย. อยากให้ทุกหน่วยงานรณรงค์ในเรื่องการใช้รถใช้ถนน โดยให้นำสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน นำเสนอเป็นตัวเลข แต่ละไตรมาส ไม่ใช่ทำแค่เพียงช่วงเทศกาลเท่านั้น เพื่อให้เห็นภาพรวม และสร้างการรับรู้กับประชาชน ว่าต้องคำนึงถึงวินัยและเคารพกฎจราจร โดยเน้นย้ำไปที่กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานความมั่นคง ให้กวดขันสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชน