ฟังความอีกด้าน นายตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา รอง ผบ.ตร. เผยความในใจ “ศรีวราห์” ถูกโจมตี ยันเอาจริงกับการทำงาน ลั่นถ้าช่วยเหลือ “เปรมชัย” กันจริง คงไม่เห็นภาพทีมพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ละเอียด ค้นบ้านที่กรุงเทพฯ ทลายที่ดินเมืองเลย ส่วนคนที่ยุให้เร่งส่งฟ้องคดี ถ้าคดีอ่อนขึ้นมาใครรับผิดชอบ วอนสังคมใช้สติให้มากๆ อย่าอินจนอคติ วิจารณ์ได้แต่อย่าเลยเถิด
เฟซบุ๊ก “Dirutdevan Mangalavach” ของ พ.ต.อ.ธีรุตม์เทวัญ มังคละวัชร์ รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวแสดงความคิดเห็นส่วนตัว เกี่ยวกับกระแสสังคม ที่กล่าวหา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กรณีการทำคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทยฯ ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี ว่า สื่อโซเชียลโจมตี พล.ต.อ.ศรีวราห์ แม้แต่คนใกล้ตัว ทั้งที่ลงไปเร่งรัดคดีมาตั้งแต่เริ่มต้น
ทั้งนี้ โดยความเห็นส่วนตัว จากที่ทำงานอย่างใกล้ชิด พล.ต.อ.ศรีวราห์ เป็นคนที่จริงจังกับการทำงานมาก นอนไม่กี่ชั่วโมง ทำเอาผู้ใต้บังคับบัญชาต้องตื่นตัวตลอดเวลา สิ่งที่คนภายนอกที่ไม่รู้จักและอาจไม่ชอบใจ ก็คือ ลักษณะการพูดที่ดูดุดัน ใช้ถ้อยคำรุนแรง แต่จิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ในการทำงานเน้นย้ำอยู่เสมอว่า “เป็นพระต้องสวด เป็นตำรวจต้องจับ”, “ไม่มีใครใหญ่กว่ากฎหมาย” ใครทำการบ้านไม่ดีก็ได้รับการตำหนิ แต่ถ้าเป็นคนคุ้นเคยจะรู้ดีว่าไม่มีอะไร กลับไปแก้ไขทำมาให้ดีขึ้นเท่านั้นเอง อีกอย่างคือ เป็นผู้ใหญ่ที่ยอมรับฟังความเห็นผู้น้อยที่มีเหตุผล
สำหรับคดี นายเปรมชัย ที่กล่าวหาว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ช่วยเหลือ หรือมีลักษณะเป็นทนายแก้ต่างให้ผู้ต้องหาบางคนใช้คำพูดเจืออคติอย่างรุนแรง ทำนองว่าเพราะผู้ต้องหาเป็นคนมีเงินนั้น ถ้าไม่ใช่ พล.ต.อ.ศรีวราห์ อาจจะไม่เห็นภาพทีมพิสูจน์หลักฐานมือฉมังลงตรวจที่เกิดเหตุอย่างละเอียด, ภาพตำรวจ ปทส. กับอีกหลายหน่วยงานเข้าตรวจค้นบ้านนายเปรมชัยที่กรุงเทพฯ ภาพของรองอธิบดีกรมป่าไม้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ที่ดินจังหวัดเลย ตรวจสอบที่ดินใน จ.เลย แบบรายตัว แล้วตามผลทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องมาตลอด
ส่วนสำนวนล่าช้า ที่ นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เห็นว่า น่าจะสั่งฟ้องคดีได้แล้วนั้น เห็นว่าหากหลักฐานยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์เป็นที่น่าพอใจ คดีอ่อนขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ซึ่งการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลา แม้จะเร่งรัดอย่างเต็มที่ก็ตาม ซึ่งตนชื่นชมที่นายศศินออกมาพูดตรงๆ เพราะต้องยอมรับว่าต้นทุนทางสังคมตำรวจต่ำอยู่แล้ว ถึงได้มีเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจ ส่วนที่โจมตีเรื่องการรับไหว้ เป็นเรื่องที่น่าทุเรศมาก แต่คงรู้ความจริงกันหมดแล้ว แท้ที่จริงเป็นอีกบุคลิกหนึ่งของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เมื่อ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ มาให้ข้อมูลก็ไหว้ เจอคนสูงอายุกว่าก็ไหว้ มารยาทเป็นเช่นนั้นจริง
ส่วนข้อหาทารุณกรรมสัตว์นั้น ปัจจุบันไม่มีการกำหนดไว้จริงๆ ว่า สัตว์ในธรรมชาติ ที่จะอยู่ในบังคับกฎหมายนี้มีอะไรบ้าง แล้วจะเลยเถิดตามใจฉันได้ยังไงว่า การยิงเสือดำก็ควรจะผิดด้วย พอบอกว่าไม่ผิดกลายเป็นว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ช่วยเหลือ ไม่ฟังเหตุผล พอหัวร้อนบอกให้ไปฟ้องศาลพระภูมิ ก็เป็นประเด็นใหญ่โต เข้าใจว่าในเมื่อไม่ผิดกฎหมายจะดำเนินคดีจนขึ้นสู่ศาลได้อย่างไร เพียงแต่ศัพท์ที่ถูกใช้สะกิดความรู้สึกชาวโซเชียลขึ้นมา
ส่วนเรื่องงาช้าง ที่กล่าวหาว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ช่วยนายเปรมชัย ให้ภรรยารับผิดแทนนั้น ต้องย้อนไปดูว่าใครสี่งให้ตำรวจ ปทส. นำกำลังค้นบ้านนายเปรมชัย ให้ขนงาช้าง ขนปืนไปตรวจ ถ้าคดีนี้ไม่ลงมากำกับเอง ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิจะขึ้นมาค้น หรือขอความร่วมมือให้ตำรวจที่ กทม. ค้น โอกาสน้อยมาก แล้วเรื่องงาช้างยังเป็นกฎหมายใหม่ เพิ่งออกมา 2 - 3 ปี แม้แต่ตำรวจเองถ้าไม่ได้ศึกษายังอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน ที่กรมอุทยานฯ รับขึ้นทะเบียน เพราะกฎหมายมีช่วงเวลาจำกัด จึงมีการรับแจ้งไว้ก่อน แล้วค่อยทยอยพิสูจน์ไป ถ้าถูกต้องถึงทำเครื่องหมายออกเอกสารให้ ซึ่งเคสนี้ยังไม่ถึงขั้นตอนนั้น ซึ่งคนแจ้งก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นงาช้างบ้าน ถ้าไม่ใช่แล้วมาแจ้ง ก็เท่ากับแจ้งความเท็จ ข้อเท็จจริงตามเรื่องก็คือคนที่มาแจ้งคือภรรยานายเปรมชัย ทราบว่าได้มีการกล่าวโทษข้อหาครอบครองงาช้างกับนายเปรมชัย ร่วมกับภรรยาที่ถูกดำเนินคดีแต่แรกแล้ว
“สรุปปิดท้าย คือ ใช้สติให้มากๆ อย่าอินจนเกิดอคติ และการวิพากษ์วิจารณ์ ทุกคนมีสิทธิ์ทำได้ แต่อย่าเลยเถิดจนละเมิดสิทธิ์คนอื่น การใส่ร้าย กล่าวหาต่างๆ แบบเอาสนุก มันปาก ไม่สนใจเหตุผลข้อเท็จจริง อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ถึงเวลานั้นท่านก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ” พ.ต.อ.ธีรุตม์เทวัญ ระบุ