เปิดบันทึกจับกุม “เปรมชัย” และพวกบุกรุกล่าสัตว์ป่าเขตทุ่งใหญ่นเรศวร เผยตั้งแคมป์ริมห้วยจุดที่มีสัตว์ป่าชุกชุม จนท.เตือนไม่ฟัง ยังเล็งปืนยิงกระรอกป่าต่อหน้าต่อตา จึงควบคุมตัวและตรวจค้นเต็นท์ที่พักโดยละเอียดจนพบของกลางทั้งหมด ท้ายบันทึก “บิ๊กอิตาเลียนไทย” เซ็นรับอาวุธปืน-กระสุนเป็นของตน
จากกรณีเจ้าหน้าที่จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกอีก 3 คน ประกอบด้วย นายยงค์ โดดเครือ อายุ 65 ปี, นางนที เรียมแสน อายุ 43 ปี และนายธานี ทุมมาศ อายุ 56 ปี ฐานลักลอบเข้าตั้งแคมป์และล่าสัตว์ป่าในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ได้พร้อมของกลางซากสัตว์ป่าคุ้มครองหลายรายการ และอาวุธปืน ต่อมาได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสี่ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เพื่อดำเนินคดี 9 ข้อหา และนำฝากขังที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ ก่อนได้รับอนุญาตให้ประกันตัวด้วยเงินสดคนละ 150,000 บาทนั้น
ต่อมา แฟนเพจ คนอนุรักษ์ได้โพสต์ภาพบันทึกการจับกุม/ตรวจยึด ของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ทั้งหมด 7 แผ่น เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าเจ้าหน้าที่ได้พบกลุ่มของนายเปรมชัยและพวกที่บริเวณลำห้วยป่าชิ ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.ของวันที่ 4 ก.พ. 2561 ขณะตั้งแคมป์กางเต็นท์พักแรมอยู่ติดถนนลำรองริมห้วยป่าชิ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ไม่อนุญาตให้พักค้างแรม และเป็นบริเวณที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ชุกชุม มีความเปราะบางทางระบบนิเวศสูง ประกอบกับกลุ่มคนดังกล่าวมีอาการลักษณะมึนเมาจึงได้ตักเตือนให้หยุดการกระทำ
จากนั้นจึงได้ซุ่มดูพฤติกรรม และพบว่า เวลา 14.00 น.มีเสียงปืนดังมาจากบริเวณดังกล่าว จนเวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นแคมป์ที่พัก พบเบ็ดราวสำหรับจับสัตว์น้ำ จึงได้แจ้งให้กลุ่มของนายเปรมชัยออกจากพื้นที่ แต่นายเปรมชัยได้ต่อรองขอพักในพื้นที่ดังกล่าวโดยอ้างว่าเป็นเวลาใกล้ค่ำเกรงจะเกิดอันตราย ต่อมาเวลา 16.30 น.มีเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบว่านายธานี ทุมมาศ กำลังยิงกระรอกป่าจึงสั่งให้หยุดและควบคุมตัว เมื่อตรวจค้นบริเวณใกล้เคียงพบซากสัตว์ที่เพิ่งชำแหละ เจ้าหน้าที่จึงกลับมาตรวจค้นแคมป์ที่พักและบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดพบของกลางเป็นอาวุธปืนและซากสัตว์ป่าหลายรายการ เช่น เสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เนื้อเก้ง จึงได้ควบคุมตัวกลุ่มของนายเปรมชัยเอาไว้ทั้งหมดในช่วงกลางคืนวันที่ 4 ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 5 ก.พ.
ในบันทึกดังกล่าวยังระบุการให้ถ้อยคำของนายเปรมชัยว่า ตนดำรงตำแหน่งประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทยฯ เป็นเจ้าของรถยนต์ โตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ สีน้ำตาลอ่อน ทะเบียน 7 กค 2192 กทม. ตนกับพวกรวม 4 คนได้เดินทางโดยรถยนต์คันดังกล่าวจากกรุงเทพฯ เข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นำเข้ามาเป็นของตน และตนทราบถึงกฎ ระเบียบ ประกาศของทางราชการในการเข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
ในตอนท้ายของบันทึก นายเปรมชัยและพวกได้ลงนามรับรองว่าได้อ่านบันทึกการจับกุม/ตรวจยึดฉบับนี้แล้วและยอมรับว่าถูกต้องเป็นความจริงทุกประการ และยินยอมให้ใช้บันทึกการจับกุม/ตรวจยึดนี้เป็นพยานหลักฐานในชั้นพนักงานสอบสวน และชั้นศาลได้
บันทึกการจับกุม/ตรวจยึด
บันทึกที่สำนักงานเขตพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2561
บันทึกฉบับนี้ทำขึ้นเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่า
ในระหว่างวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2561 คณะเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ได้ออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้โดยใช้จักรยานยนต์ เส้นทางหน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช-หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณลำห้วยปะชิ พิกัดภูมิศาสตร์ (GPS) ในระบบ WGS84 คือ 47 P 485821 E 1678956 N อยู่ในท้องที่ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ขณะนั้นเวลา 13.00 น. พบกลุ่มคนจำนวน 4 คน โดยเป็นชาย 3 คน เป็นหญิง 1 คน ตั้งแคมป์กางเต็นท์พักแรมอยู่ติดถนนลำลองริมลำห้วยปะชิ จึงได้สอบถามข้อมูลและตรวจสอบในชั้นต้น เนื่องด้วยกลุ่มคนดังกล่าวท่าทางลักษณะมีพิรุธและส่อพฤติกรรมไปในทางที่อาจจะสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า โดยจุดที่กางเต็นท์พักค้างแรมนั้นเป็นบริเวณที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรไม่อนุญาตให้พักค้างแรม และเป็นบริเวณที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม และมีความเปราะบางทางระบบนิเวศสูง ประกอบกับมีคนในกลุ่มดังกล่าวอยู่ในอาการลักษณะมึนเมา เจ้าหน้าที่จึงได้ตักเตือนให้หยุดการกระทำเสีย จากนั้นจึงขับรถจักรยานยนต์เลี่ยงออกมาและทำการดักซุ่มสังเกตการณ์เพื่อสืบสวนขยายผล และได้แจ้งให้หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกทราบถึงพฤติกรรมดังกล่าว ในวันเดียวกัน เวลา 04.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดดักซุ่มได้แจ้งให้ทราบว่า ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาจากทิศทางแคมป์พักแรมดังกล่าว จำนวน 1 นัด หัวหน้าเขตฯทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จึงสั่งการให้ชุดสายตรวจส่วนกลางเข้าไปตรวจสอบ ครั้นเมื่อชุดสายตรวจส่วนกลางไปถึงจุดตั้งแคมป์ในเวลาประมาณ 16.00 น. พบบุคคลชายจำนวน 2 คน หญิงจำนวน 1 คน
1) นายเปรมชัย กรรณสูต เลขประจำตัวประชาชน 3-7401-00104-38-8 อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/3 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
2) นายยงค์ โดดเครือ เลขประจำตัวประชาชน 3-1002-11865-47-0 อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 8 ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
3) นางนที เรียมแสน เลขประจำตัวประชาชน 3-3013-00007-16-0 อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งสว่าง อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา
(บริเวณจุดเดิมเคยตักเตือนและสั่งให้ย้ายออกไป)
ได้ตรวจสอบภายในแคมป์พักในเบื้องต้น พบอุปกรณ์สำหรับจับสัตว์น้ำ ประกอบด้วย เบ็ดธงจำนวนมาก เบ็ดตกปลา (เบ็ดรอก) กองรวมกันที่ข้างแคมป์พัก โดยใช้ผ้าใบปิดคลุมอำพรางไม่ให้ผู้อื่นพบเห็นโดยง่ายและเบ็ดตกปลา (เบ็ดรอก) ถูกถอดเก็บซ่อนไว้ในท่อพีวีซีสีฟ้า ตรวจสอบมีร่องรอยการใช้งานลักษณะใหม่ จากนั้นนายปิยะพงษ์ สืบเสน นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดสายตรวจส่วนกลาง ได้ให้กลุ่มคนดังกล่าวทราบว่า การพักค้างแรมในบริเวณดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้และขัดต่อประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่กำหนดแนวทางการจัดการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก รวมทั้งการนำเบ็ดซึ่งเป็นอุปกรณ์ล่าหรือจับสัตว์น้ำเข้ามาในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จึงแจ้งให้กลุ่มคนดังกล่าวออกจากพื้นที่โดยทันที แต่นายเปรมชัย กรรณสูต ซึ่งเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้กลับต่อรองขอพักค้างแรมในจุดเดิมโดยอ้างว่าเป็นเวลาใกล้ค่ำเกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่พวกตนจึงแจ้งว่าตนจะไปหานายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เพื่อเจรจาของพักค้างแรมในจุดเดิมต่อ ขณะเดียวกันนั้นเอง นายปิยะพงษ์พบว่า มีชายในกลุ่มดังกล่าวหายไป 1 คน เป็นที่ผิดสังเกตจึงส่งทัศนสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจส่วนกลางซึ่งวางกำลังในบริเวณดังกล่าวดำเนินการตรวจสอบปิดล้อม โดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด หลังจากนั้นประมาณ 10 นาที นายเปรมชัยจึงขับรถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อ TOYOTA แบบ LANDCRUISER สีน้ำตาลอ่อน ทะเบียน 7 กค 2192 ออกจากแคมป์เพื่อจะไปพบนายวิเชียร ชิณวงษ์
ต่อมาในเวลาประมาณ 16.30 น.ของวันเดียวกัน (4 ก.พ. 2561) เจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจส่วนกลางได้ติดตามตรวจสอบเสียงอาวุธปืนไปตามทิศทางที่ได้เสียงปืนดังขึ้น จนกระทั่งพบชายคนหนึ่งถืออาวุธปืนยาวติดลำกล้องอยู่ในมือลักษณะพร้อมยิง และหันปลายกระบอกอาวุธปืนเล็งไปยังเรือนยอดต้นไม้ซึ่งมีกระรอกเกาะกิ่งไม้อยู่ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งโดยการร้องตะโกนบอกให้ชายคนดังกล่าวหยุดการกระทำนั้นเสีย จากนั้นเข้าไปควบคุมตัวไว้ได้ สอบถามทราบข้อมูลบุคคลว่าชื่อ นายธานี ทุมมาศ เลขประจำตัวประชาชน 3-7101-00393-63-1 อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 3 ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จึงได้นำตัวมาที่แคมป์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในทีมทำการควบคุมตัวเพื่อจะตรวจสอบตามขั้นตอนต่อไป
จากนั้นนายปิยะพงษ์ได้นำกำลังออกตรวจสอบในเส้นทางที่พบนายธานีกำลังพยายามล่าสัตว์ป่า ห่างจากแคมป์ประมาณ 400 เมตร ซึ่งเป็นเส้นทางถนนลำลอง พบปลอกกระสุนปืนลูกของเบอร์ 20 ยี่ห้อ BELLIER&BELLOT จำนวน 1 นัด ถูกใช้ยิงแล้วลักษณะใหม่ หล่นอยู่ที่ถนนห่างจากจุดที่ปลอกกระสุนปืนหล่นอยู่ออกไปประมาณ 15 เมตร ซึ่งอยู่ในห้วยประชิและเป็นช่วงที่ไม่มีน้ำในลำธาร พบซากเครื่องในสัตว์ป่าสภาพถูกชำแหละออกจากตัวสภาพใหม่สด โดยถูกซุกซ่อนอยู่ที่ร่องหินภายในร่องลำห้วยประชิ สภาพเครื่องในยังเป็นพวงและมีอวัยวะภายในที่สำคัญ เช่น ลำไส้ ตับ ไต กระเพาะ ปอด อยู่ครบถ้วน และใกล้กับจุดที่เครื่องในสัตว์ป่ากองอยู่ประมาณ 1-2 เมตร ยังพบถุงเกลือแกงยี่ห้อ “ตราทหารอากาศ” จำนวน 2 ถุง ซุกซ่อนอยู่ โดยเป็นถุงเปล่าที่ยังมีสภาพใหม่ๆ และเกลือถูกนำไปใช้หมดแล้ว รวมพบทั้งกระจุกขนของสัตว์ป่า ขนลักษณะใหม่และอ่อนนุ่ม สีเทาดำ หล่นอยู่ห่างจากกองซากเครื่องในประมาณ 1 เมตร ครั้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. (4 ก.พ. 2561) นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจเข้ามาสมทบ และเข้าตรวจสอบแคมป์พักแรมโดยละเอียด พบกลุ่มคนที่พักแรมอยู่ในแคมป์ จำนวน 4 คน ดังนี้
1) นายเปรมชัย กรรณสูต เลขประจำตัวประชาชน 3-7401-00104-38-8 อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/3 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
2) นายยงค์ โดดเครือ เลขประจำตัวประชาชน 3-1002-00965-47-0 อายุ65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ที่ 8 ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
3.) นางนที เรียมแสน เลขประจำตัวประชาชน 3-3013-00007-16-0 อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 หมู่ที่ 1 ตำบลทุ่งสว่าง อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา
(4) นายธานี ทุมมาศ เลขประจำตัวประชาชน 3-7101-00393-63-1 อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ที่ 3
ตำบลช่องสะเดา อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
คณะเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นตัวนายธานีฯ ซึ่งถูกควบคุมไว้ก่อนแล้ว พบอาวุธและสิ่งของดังนี้
1. อาวุธเป็นปืนที่นายธานีถืออยู่เป็นอาวุธปืนยาวขนาด .22 ยี่ห้อ CZ 452 ZKM SCOUT CZ-USA, Kansas City, US หมายเลขหัวปืน 778590 มีทะเบียน ความยาวลำกล้อง 40 เซนติเมตร พร้อมติดกล้องถึงเป้างานโดยภายในรังเพลิงมีกรสุนบรรจุอยู่ 1 นัด และอยู่ในซองบรรจุกระสุนอีก 1 นัด อยู่ในลักษณะพร้อมยิง
2. กล่องสำหรับพลาสติกที่ใช้เก็บกระสุนอาวุธปืนขนาด .22 ภายในกล่อมมีกระสุนอาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 64 นัด แยกเป็นกระสุนหัวทองแดง 52 นัด และกระสุนหัวตะกั่ว 22 นัด อยู่ในกระเป๋ากางเกงขายาวข้างซ้ายของนายธานี
3. กระสุนอาวุธปืนลูกซองเบอร์ 20 ยี่ห้อ BELLIER & BELLOT ปลอกสีเหลืองจำนวน 2 นัด อยู่ในกระเป๋ากางเกงขายาวข้างขวา
4. มีดปลายแหลม 1 ด้าม
ในวันเวลาเดียวกัน คณะเจ้าหน้าที่นำโดยนายวีเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ได้ดำเนินการตรวจค้นพื้นที่เกิดเหตุโดยละเอียดโดยมีบุคคลทั้งสี่เป็นผู้ร่วมนำตรวจผลการตรวจสอบภานในแคมป์พักแรม พบการก่อกองไฟเพื่อหุงหาอาหาร โดยมีเครื่องมือเครื่องใช้ดังนี้
1.) อุปกรณ์เครื่องครัว เช่น จาน ชาม หม้อ เตาแก๊ส
2.) ข้าวสารและเครื่องปรุงรส
3.) ถังใส่น้ำแข็งสำหรับบริโภค 1 ถัง ถังสำหรับแช่เนื้อสด 1 ถัง และถังใส่ของอื่นๆ 3 ถัง
4.) มีดทำครัว 3 ด้าน มีดเหน็บ 2 ด้าม พลั่วตักดิน 1 อัน และค้อนตอกตะปู 1 อัน
5) ตรวจพบซากไก่ฟ้าหลังเทา จำนวน 1 ซาก ถูกแช่อยู่ในถังน้ำแข็ง ซึ่งมีร่องรอยบาดแผลถูกยิง โดยตรวจพบเม็ดลูกปรายของกระซุนปืนลูกซองฝังอยู่ในซากไก่ฟ้าหลังเทา จำนวน 6 แผล และมีเม็ดกระสุนลูกปรายคาอยู่ 1 เม็ด ทั้งนี้ ไก่ฟ้าหลังเทาเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าจำพวกนก ลำดับที่ 7 ออกตามกฎกระทรวง กำหนดให้สัตว์ป่า บางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2546 ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 สอบถามบุคคลทั้ง 4 คน ไม่มีหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ครอบครองซากไก่ฟ้าหลังเทาซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองแต่อย่างใด
6.) ตรวจพบเนื้อสัตว์ เป็นเก้ง น้ำหนัก ประมาณ 1 กิโลกรัม ถูกแช่อยู่ในถังน้ำแข็งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าจำพวกเลี้ยงลูกด้วยนม ลำดับที่ 198 ออกตามกฎกระทรวง กำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. 2546 ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 สอบถามบุคคลทั้ง 4 คน ไม่มีหลักฐานการได้รับอนุญาตให้ครอบครองซากเก้งซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองแต่อย่างใด
7.) ตรวจพบซากสัตว์ถูกนำมาปรุงเป็นอาหาร
โดยห่างจากแคมป์ไปทางทิศเหนือ ประมาณ 5 เมตร พบอาุวุธปืนยาว 2 กระบอก ซุกซ่อนอยู่ ด้วยกันโดยใช้เศษวัชพืชและกิ่งไม้ปิดทับซ่อนพรางไว้ รายละเอียดดังนี้
(1.) อาวุธปืนยาว (ปืนไรเฟิล) ยี่ห้อ STEYR-MANNLICHER-M หมายเลขตัวปืน 021820 ทะเบียนอาวุธ กท. 2850473 ความยาวลำกล้อง 60 เซนติเมตร ความยาวจากปลายลำกล้องถึงพานท้าย 130 เซนติเมตร ติดลำกล้องเล็งเป้า ยี่ห้อ ZEISS รุ่น DIATAL-ZA 6x42 T โดยมีกระสุน จำนวน 4 นัด ยี่ห้อ WINCHESTER 30-06 SPRG บรรจุอยู่ในซองกระสุนและติดตั้งกับตัวปืนไว้แล้วในลักษณะพร้อมใช้งาน
(2.) อาวุธปืนยาวลูกซองเบอร์ 20 ยี่ห้อ AYA-AGURRE & ARANZABAL - MADE IN SPAIN หมายเลขตัวปืน 378 และปรากฏเลขทะเบียนอาวุธปืน ก.ท.4552202 อยู่ที่พานท้ายความยาวของกล้อง 75 เซนติเมตร ความยาวจากปลายลำกล้องถึงพานท้าย 115 เซนติเมตร ในรังเพลิงบรรจุกระสุนลูกของเบอร์ 20 ยี่ห้อ BELLIER & BELLOT ปลอกสีเหลืองจำนวน 2 นัด ลักษณะพร้อมใช้งาน
ห่างจากแคมป์พักแรมออกไปทางทิศเหนือประมาณ 15 เมตร คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจพบกล้องและกระเป๋าสำหรับใส่อาวุธปืนยาว ซึ่งถูกนำไปซุกซ่อนวางอยู่ติดกันในพงหญ้า ดังนี้
1.กล่องสีดำแบบมีหูหิ้ว ขนาดความกว้าง 25 เซนติเมตร X ยาว 90 เซนติเมตร สำหรับใส่อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก ภายในกล่องมีของบรรจุกระสุน (ซองเปล่า) ของอาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 อัน และน้ำมันชะโลมปืน 1 ขวด
2.กระเป๋าหนังสีน้ำเงินแบบมีหูหิ้ว มีซิปรูด ความยาว 22 เซนติเมตร สำหรับใส่อาวุธปืนยาว (ปืนไรเฟิล) จำนวน 1 อัน
เนื่องจากเวลาดังกล่าวเป็นเวลายามวิกาล คณะเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างละเอียด จึงได้ทำการสั่งการเจ้าหน้าที่ควบคุมพื้นที่เกิดเหตุ มิให้มีบุคคลใดเข้าไปในพื้นที่ รวมถึงสั่งห้ามเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวด้วย คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวบุคคลทั้ง 4 คน พร้อมรถยนต์ อาวุธปืนและเครื่องกระสุน ซากสัตว์ป่า และสัมภาระทั้งหมดไปยังสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เพื่อสอบปากคำ รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจเจ้าหน้าที่ ขณะนั้นเวลา 01.30 น. (วันที่ 5 ก.พ. 2561) แต่ด้วยความยากลำบากและทุรกันดารของเส้นทาง จึงทำให้เดินทางถึงสำนักงานเขตฯ ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกในเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561 ต่อมาในช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้กลับไปตรวจสอบบริเวณแคมป์พักแรมซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุซ้ำ นำโดยนายวิเชีบร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ตรวจพบสิ่งของและซากสัตว์เพิ่มเติม ดังนี้
บริเวณที่ตั้งแคมป์พักแรม พบหนังเสือดำลักษณะเป็นผืนทั้งตัว โดยถูกชำแหละเนื้อออกไปแล้ว และผืนหนังเสือดำถูกถนอมซากด้วยการทาด้วยเกลือเพื่อมิให้เน่าเสีย วัดขนาดความยาวจากหัวถึงสะโพก 83 เซนติเมตร ความยาวจากหัวถึงหาง 148 เซนติเมตร รวมทั้งพบกะโหลกเสือดำ 1 หัว ชิ้นส่วนทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในถุงดำและมัดปากถุงด้วยเชือก ซุกซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้ ใกล้กัน พบกระเป๋าสะพายข้างสีแดง-ดำ ถูกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าแห้งปิดคลุม เมื่อเปิดดูภายในกระเป๋าพบสิ่งของดังนี้
1. กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 2 แรงครึ่ง จำนวน 13 นัด
2. กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 1 แรง จำนวน 5 นัด
3. เข็มขัดคาดเอวแบบมีช่องเก็บกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 เส้น
4. กระสุนอาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 50 นัด แยกเป็นกระสุนหัวระเบิด จำนวน 11 นัด และกระสุนหัวตะกั่ว จำนวน 38 นัด ทั้งหมดบรรจุอยู่ในกล่องกระสุน 1 กล่อง
5. นกหวีดแบบใช้เป่าล่อนก จำนวน 1 อัน
6. กระสุนอาวุธปืนไรเฟิล ยี่ห้อ WINCHESTER 30-06 SPAG จำนวน 3 นัด ซึ่งเป็นกระสุนแบบเดียวกันกับที่ตรวจพบในอาวุธปืนยาว (ปืนไรเฟิล) ยี่้ห้อ STEYR-MANNLICHER-M หมายเลขตัวปืน 201860 ทะเบียนอาวุธปืน กท.2850473 ข้างต้น
7. น้ำมันล้างปืน 1 ขวด
8. ไฟฉายสปอตไลต์ยี่ห้อ Metro จำนวน 1 กระบอก
9. ช้อนส้อมแบบพับได้ 1 คู่
10. มีดพับ 1 เล่ม
และตรวจพบซากเสือดำ 1 ตัว ถูกชำแหละแล้ว รวมน้ำหนักซาก น้ำหนักกะโหลกและเครื่องในได้ 10.6 กิโลกรัม โดยไม่รวมหนังเสือ โดยบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าปิดคลุม
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติกรรมของนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4 คนข้างต้น ได้ขับรถเข้าไปตั้งแคมป์พักในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ฯ ในบริเวณจุดที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงมีการนำอาวุธปืน เครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ เข้าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อันเป็นการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ดังนี้
1. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวมและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
2. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มตรองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวมและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
3. ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวมและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
4. ฐานร่วมกันพยายามร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธู์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวมและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
5. ฐานร่วมกัน ช่วยกันซ่อนเร้น ช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทำความผิดตามมาตรา 55 แห่งพระราชบัญญัติสงวมและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
6. ฐานร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวมและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
7.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวมและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
8.ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
9.สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้นายเปรมชัย กรรณสูตร, นายยงค์ โดดเครือ, นายธานี ทุมมาศและนางนที เรียมแสน ทราบว่า พวกท่านทั้ง 4 คนต้องถูกจับ และถูกทำตัวไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนพร้องผู้จับกุม เจ้าพนักงานผู้จับได้แจ้งสิทธิขณะจับให้ผู้ถูกจับ ทราบว่า
(1) มีสิทธิจะไม่ให้หรือให้การก็ได้
(2) ถ้อยคำของผู้ถูกจับกุมนั้น อาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้
(3) มีสิทธิที่จะพบทนายและปรึกษาทนายความหรือผู้ซึ่งจะเป็นทนายเป็นการเฉพาะตัว
(4) ผู้ถูกจับประสงค์จะแจ้ง ให้ญาติหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจ ทราบถึงการจับกุมที่สามารถดำเนินการได้โดยสะดวกและไม่เป็นการขัดขวางการจับกุมหรือการควบคุมหรือทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด เจ้าพนักงานอนุญาตให้ผู้ที่ถูกจับดำเนินการได้ตามสมควรแล้วแต่กรณี
(5) มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเจ็บป่วย
นายเปรมชัย กรรณสูต กับพวกรวม 4 คนข้างต้น ได้รับทราบและเข้าใจสิทธิดังกล่าวโดยตลอดแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้จับได้สอบถามเพิ่มเติม โดยมีนายเปรมชัยได้ให้ถ้อยคำว่า ตนดำรงตำแหน่งประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัท อิตาเลียนไทยฯ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ 4 ประตูแบบมีกระบะหลัง ยี่ห้อ TOYOTA แบบ LANDCRUISER สีน้ำตาลอ่อน ทะเบียน 7 กค 2192 กทม. ตนกับพวกรวม 4 คนข้างต้น เดินทางโดยใช้รถยนต์คันนี้มาด้วยกันจากกรุงเทพมหานครและเข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก อาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นำเข้ามาเป็นของตน และตนทราบถึงกฎหมาย ระเบียบ ประกาศของทางราชการในการเข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
สำหรับนายยงค์ โดดเครือ ให้ถ้อยคำว่า ตนทำงานให้ผู้ใต้บังคับบัญชาการของนายเปรมชัย กรรณสูต มาเป็นเวลากว่า 30 ปี จนถึงปัจจุบัน โดยทำหน้าที่คนขับรถยนต์
สำหรับนายธานี ทุมมาศ ได้ให้ถ้อยคำว่า ตนทำงานเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อ “ท่าทุ่งนา” ร้านอยู่ที่กรุงเทพมหานคร รู้จักกับนายเปรมชัยมาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี
สำหรับนางนที เรียมแสน ได้ให้ถ้อยคำว่า ตนทำงานเป็นแม่บ้านให้นายเปรมชัย กรรณสูต มาเป็นเวลานานต่อเนื่องกันกว่า 5 ปี การเข้ามาท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกในครั้งนี้ ตนเป็นผู้ปรุงอาหารให้แก่ทุกคน
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ 2561 บริเวณป่าห้วยปะชิ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ท้องที่ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ทับซ้อนป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาน้ำโจน ค่าพิกัดภูมิศาสตร์ (GPS) ในระบบ WGS84 คือ 47 P 485821 E 1678956 N
ทั้งนี้ได้แนบเอกสารที่เกี่ยวข้องมาท้ายบันทึกจับกุม/กล่าวโทษ ดังนี้
1. แผนที่สังเขปแสดงจุดเกิดเหตุ จำนวน 2 ชุด เอกสาร 2 แผ่น
2. แผนที่ภูมิประเทศของกรมแผนที่ทหาร มาตรา 1: 50,000 แสดงจุดเกิดเหตุ
3. สำเนาพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดิน ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ในท้องที่ตำบลแม่ละมุ้ง ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก และตำบลไล่โว่ ตำบลปรังเผล ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. 2534 พร้อมแผนที่แนบท้าย ซึ่งประกาศให้ราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 108 ตอนที่ 146 หน้า 44 ลงวันที่21 สิงหาคม 2534
4. สำเนากฎกระทรวงฉบับที่ 1,071 (พ.ศ. 2527) ออกตามความพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ หน้าที่ 11 เล่มที่ 101 ตอนที่ 162 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2527
5. บัญชีอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดของกลาง
6. บัญชีซากสัตว์ป่าของกลาง
7. สำเนากฎกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตวืป่าคุ้มครอง พ.ศ 2546
8. ภาพถ่ายการจับกุมและตรวจยึดของกลางเอกสาร...แผ่น
คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจยึดซากสัตว์ป่าของกลางทุกชนิด รวมถึงของกลางในการกระทำความผิดแนบท้ายบันทึกฉบับ สำหรับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนได้มอบให้พนักงานสอบสวนรับไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่แล้ว และมอบหมายให้ นายวิเชียร ชิณวงษ์ ตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก เป็นผู้กล่าวโทษนายปิยะพงษ์ สืบเสนนักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ เป็นพยาน นำเรื่องราวเข้ากล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานี้ตำรวจภูธรทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อดำเนินการสอบสวนดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้นต่อไป ในการจับกุมครั้งนี้ คณะพนักงานเจ้าหน้าที่กระทำไปตามอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมาย มิได้บังคับขู่เข็ญ ประทุษร้ายต่อร่างกายและจิตใจของผู้ใด หรือทำให้ทรัพย์สินของผู้หนึ่งผู้ใดสูญหายเสียหาย เสื่อมค่า จึงได้ลงลาบมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
(ลงชื่อ) นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ถูกจับ(ลงชื่อ) นายยงค์ โดดเครือ ผู้ถูกจับ
(ลงชื่อ) นายธานี ทุมมาศ ผู้ถูกจับ (ลงชื่อ) นางนที เรียมแสน ผู้ถูกจับ
(ลงชื่อ) นายวิเชียร ชิณวงษ์ ผู้จับกุม/กล่าวโทษ/บันทึก(ลงชื่อ) นายปิยะพงษ์ สืบเสน ผู้ร่วมจับกุม/พยาน
ตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ
ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
(ลงชื่อ) นายญาณ อ้วนสิงห์ ผู้ร่วมจับกุม(ลงชื่อ) นายจิตติ สวัสดิ์สาย ผู้ร่วมจับกุม
นักวิชาการป่าไม้พนักงานพิทักษ์ป่า ระดับ 2
(ลงชื่อ) นายประกาสิต มณี ผู้ร่วมจับกุม (ลงชื่อ) นายบัญชา ไกรศรีบารมี ผู้ร่วมจับกุม
ตำแหน่งพิทักษ์ป่าตำแหน่งพิทักษ์ป่า
(ลงชื่อ) นายศุภกิต พรหมมี ผู้ร่วมจับกุม (ลงชื่อ) นายชัยพร สังขโลก ผู้ร่วมจับกุม
ตำแหน่งพิทักษ์ป่าตำแหน่งพิทักษ์ป่า