โต๊ะข่าวโซเชียลมีเดีย MGR Online ... รายงาน
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงออกอาละวาด สร้างความเสียหายให้กับประชาชน นับวันมักจะใช้เทคโนโลยีตบตาเหยื่อได้อย่างแนบเนียน แม้กระทั่งเวลาโชว์เบอร์
ที่ผ่านมา มักจะอ้างตัวว่าเป็นพนักงานไปรษณีย์, เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ หรือ ตำรวจ ลวงผู้เสียหายว่ามีประวัติเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรม และต้องถูกดำเนินคดี ยึดอายัดทรัพย์สิน
โดยล่อลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่กลุ่มนี้เปิดไว้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ โดยอ้างว่าเมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วจะโอนเงินทั้งหมดคืนให้ ก่อนที่จะหายไปอย่างลอยนวล
กรณีล่าสุดกับพนักงานสาวธนาคารแห่งหนึ่ง พบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้หมายเลข 022341068 ซึ่งเป็นของ “กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.)”
จากคลิปที่คนร้ายหลอกลวงพนักงานสาวธนาคาร ซึ่งมีผู้ชมกว่า 2 ล้านครั้งก่อนหน้านี้ มักจะพยายามให้ปลายสาย โทร.เช็กกับบริการสอบถามหมายเลขโทรศัพท์ 1133 เพื่อให้เหยื่อแน่ใจและตายใจ
ส่วนใหญ่พอรู้ว่าเป็นเบอร์ตำรวจ หรือหน่วยงานนั้นจริง ก็จะเกิดอาการร้อนรนกระวนกระวายใจ แล้วก็ยอมทำตามขั้นตอนที่คนร้ายพยายามหว่านล้อม ให้ใส่เงินที่มีอยู่ในบัญชีเพื่อตรวจสอบทรัพย์สิน
คนร้ายอ้างว่าเป็นระบบตรวจสอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย หารู้ไม่ว่านี่คือการเอา “อ้อยเข้าปากช้าง” เมื่อใส่ลงไปแล้วไม่มีวันเอาคืน จะติดต่อกลับก็ไม่ได้เพราะคนร้ายปลอมเบอร์โทรศัพท์ต้นทางมา
หลายคนสงสัยว่า ในเมื่อเบอร์โทร.เข้าโชว์เบอร์จริงขนาดนี้ ขนาด โทร.ตรวจสอบที่หมายเลข 1133 แล้วพบว่าเป็นเบอร์หน่วยงานจริง แล้วทำไมถึงถูกนำมาใช้ในการหลอกลวงผู้อื่นได้
MGR Online ตรวจสอบวิธีการ พบว่า คนร้ายมักจะใช้ บริการปลอมหมายเลขโทรศัพท์ต้นทาง (Fake Caller ID, Caller ID Maker) โดยใส่หมายเลขอะไรก็ได้ เมื่อผู้ตกเป็นเหยื่อมีสายเข้าก็จะไม่รู้ว่ามาจากไหน
บริการดังกล่าว มีให้บริการทั้งผ่านเว็บไซต์ โดยใช้การโทรศัพท์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือ แอปพลิเคชันบนมือถือสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ยังพบวิธีการสอนปลอมหมายเลขโทรศัพท์ต้นทางผ่านยูทูปอย่างกว้างขวางอีกด้วย
นอกจากนี้ คนร้ายมักจะใช้การโทรศัพท์ผ่านระบบเครือข่ายวีพีเอ็น (VPN - Virtual Private Network) เช่น บริการ VoIP (Voice over Internet Protocal) ซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายในการ โทร.ต่างประเทศถูกกว่า
แน่นอนว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มักจะไม่ได้อยู่ในประเทศนั้นๆ แต่จะอยู่กระจัดกระจายตามประเทศต่างๆ แล้วใช้เทคโนโลยีในการหลอกลวงประเทศปลายทาง
ต่อคำถามที่ว่า เมื่อมีการรับจ้างเปิดบัญชี แล้วผู้ที่ตกเป็นเหยื่อใส่เงินเข้าไปในบัญชีแล้วจะหายไปไหน วิธีการของคนร้าย คือ จะแปลงเงินบาทด้วยการซื้อเงินสกุลบิตคอยน์ เงินสกุลดิจิตอลผ่านอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง
การจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายล่าสุด ซึ่งมี นายทอมมี่ วู ชาวอินโดนีเซีย เป็นหัวหน้าแก๊ง ใช้ประเทศฟิลิปปินส์ และ ประเทศใกล้เคียง เป็นฐานในการกระทำความผิด โทรศัพท์กลับมาหลอกผู้เสียหายในไทย
หลังผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์เปิดไว้แล้ว ก็จะมีสมาชิกในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นำเงินไปซื้อเงินสกุลดิจิตอล หรือ บิทคอยส์ เพื่อโอนต่อไปให้นายทอมมี่
นอกจากนี้ หากย้อนไปที่กรณีสาวพนักงานธนาคาร ในปัจจุบันพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้วิธีจ้างคนไปเปิดบัญชีธนาคารพร้อมทำบัตรเดบิต ผ่านไป 1 เดือนค่อยไปปิดบัญชี แล้วจะให้ค่าตอบแทนคนละ 1,000 บาท
โดยที่ไม่รู้ว่า บัญชีธนาคารสามารถนำไปใช้ในการกระทำความผิด และหากจับกุมได้ เจ้าของบัญชีจะต้องถูกดำเนินคดีในฐานะผู้สนับสนุนให้นำบัญชีธนาคารไปใช้ในการกระทำความผิด
บัตรเดบิตที่ได้ คนร้ายจะสามารถนำไปสมัครอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง หรือ โมบายล์แบงกิ้งได้ โดยไม่ต้องไปสมัครที่สาขา เพื่อนำไปใช้ในการกระทำความผิด รับเงินจากเหยื่อก่อนยักย้ายถ่ายโอนเงินไปอย่างรวดเร็ว
นายพีระพัฒน์ อิงพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 ปปง. กล่าวว่า ปปง. กำลังจับตาบัญชีธนาคารต้องสงสัยทั่วประเทศที่อาจเข้าข่ายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีประมาณ 4 แสนบัญชีทั่วประเทศ
เนื่องจากพบพฤติการณ์การถอน การโอน การเปิดบัญชี อย่างน่าสงสัย ซึ่งจะต้องตรวจสอบเพื่อป้อง กันไม่ให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางหลอกลวงประชาชนได้
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.รอง ผบช.ทท. ฝากไปยังประชาชน ถ้ามีบุคคลแอบอ้างขอบัญชีธนาคาร หรือให้ทำธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ อย่าหลงเชื่อ
ส่วนประชาชนที่มีพฤติการณ์รับจ้างเปิดบัญชีจะทราบหรือไม่ทราบก็ตาม ขอให้หยุดการกระทำ เพราะหลังจากนี้จะให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบและดำเนินคดีกับทุกรายที่ตรวจพบ