ประมวลภาพบรรยากาศ การซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น. การนี้ สมเด็จพระเทพรัตนฯ เสด็จฯทรงซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสมือนจริงโดยตลอดสองข้างทางมี ประชาชนมาเฝ้ารอชมเนืองแน่น
สมเด็จพระเทพรัตนฯ เสด็จฯทรงซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสมือนจริงโดยตลอดสองข้างทางมี ประชาชนมาเฝ้ารอชมเนืองแน่น
วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 06.54 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯไปยัง พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงร่วมการซักซ้อมเสมือนจริงริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ในริ้วขบวนที่ 1-3 โดยการซ้อมเสมือนจริงริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 5 และเป็นการซ้อมในพื้นที่จริงเป็นครั้งที่ 3 เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งเป็นการซ้อมริ้วขบวนที่ 1-3 จากทั้งหมด 6 ริ้วขบวน โดยมีคณะรัฐมนตรี นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ และกำลังพลจากกรมสรรพวุธ และกองทัพภาคที่ 1 จำนวนกว่า 3,000 นาย และ มีราชนิกูล ข้าราชบริพาร และผู้ถวายงานเข้าร่วมในการซ้อมในครั้งนี้ด้วย
บรรยากาศการซ้อมครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ตั้งแต่เวลา 05.00 น.ที่เจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูจุดคัดกรองทั้ง9 จุดประกอบด้วย บริเวณแยกสะพานมอญ ท่าช้าง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ถนนกัลยาณไมตรี แยกสะพานช้างโรงสี แยกวัดพระเชตุพนฯ ท่าพระจันทร์ และใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า มีประชาชนเป็นจำนวนมากต่างสวมใส่ชุดดำสีสุภาพ มารอที่จุดคัดกรองตั้งแต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดจุดคัดกรอง เพื่อมาชมความงดงามสมพระเกียรติของริ้วขบวนและร่วมกันถวายความจงรักภักดี โดยคณะกรรมการอำนวยการร่วม ได้เปิดให้ประชาชนเข้ามาชมการซ้อมริ้วขบวนตั้งแต่ถนนมหาราชตั้งแต่แยกท่าช้าง-ท่าเตียน บริเวณหน้าศาลหลักเมืองไปจนถึงฝั่งตรงข้ามมณฑลพิธีท้องสนามหลวง
นอกจากนี้ตามที่ กอร.พระราชพิธีฯ จะมีการเพิ่มพื้นที่อีก 3 จุดคือริมกำแพงพระบรมมหาราชวังฝั่งถนนมหาราชซึ่งเริ่มตั้งแต่ริมประตูเทวาภิรมย์ถนนท้ายวังเรื่อยไปจนถึงสนามหญ้าริมกำแพงวังถนนมหาไชย เพื่อให้ประชาชนได้มาชื่นชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศได้มากขึ้นนั้น ตั้งแต่เช้าตรู่ประชาชนต่างมาจับจองพื้นที่โดยรอบกำแพงพระบรมมหาราชวังอย่างเนืองแน่น เพื่อรอชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ โดยเจ้าหน้าได้อำนวยความสะดวกให้ประชาชนด้วยการแผงกั้นเหล็กมากั้นไว้บนฟุตปาธ เพื่อป้องกันอันตราย
การซ้อมริ้วขบวนที่ 1 เริ่มขึ้นในเวลา 07.23 น. เจ้าพนักงานเปลื้องพระลองออกจากพระโกศทองใหญ่ แล้วอัญเชิญพระลองลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท เทียบที่เกยลา จากนั้นเจ้าพนักงานได้ประกอบพระโกศทองใหญ่ แล้วประดิษฐานบนพระยานมาศสามลำคาน ซึ่งเป็นยานที่มีคานหามขนาดใหญ่ทำด้วยไม้จำหลักลวดลายลงรักปิดทอง มีพนักโดยรอบ 3 ด้าน และมีคานหาม 3 คาน
เวลา 08.15 น. เจ้าพนักงานได้อัญเชิญพระบรมโกศ ออกทางทางประตูสรีสุนทร ซึ่งเป็นประตูชั้นในและประตูเทวาภิรมย์ เพื่อตั้งริ้วขบวนบนถนนมหาราช โดยศ.นพ.ประดิษฐ์ ปัญจวีณิน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ในตำแหน่งพระภูษามาลา เป็นผู้ประคองพระบรมโกศออกมาทางประตูสรีสุนทร และประตูเทวาภิรมย์ เมื่อพระบรมโกศถึงยังถนนมหาราชแล้วเจ้าพนักงานอัญเชิญพระมหาเศวตฉัตรกางกั้นพระบรมโกศ ต่อมา ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ขึ้นไปประคองพระบรมโกศบนพระยานมาศสามลำคาน จากนั้นเจ้าพนักงานรัวกลับเป็นสัญญาณครบ 3 ครั้งแล้ว วงมโหรทึกเริ่มบรรเลง
เวลา 08.25 น. ริ้วขบวนที่ 1 จึงเริ่มเคลื่อนขบวนตามจังหวะกลองมโหรทึก สลับกับบทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อันประกอบด้วยเพลงมาร์ชธงชัยเฉลิมพล เพลงมาร์ชราชวัลลภ เพลงยามเย็น และเพลงใกล้รุ่ง
ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำเพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาใช้ประกอบจังหวะการเดินในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศริ้วที่ 1 เพื่อให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายจากบรรยากาศที่โศกเศร้า รวมถึงซาบซึ้งในพระอัจฉริยภาพด้านดนตรี โดยบทเพลงที่นำมาใช้ทั้ง 4 เพลง ประกอบด้วย เพลงมาร์ชธงไชยเฉลิมพล มาร์ชราชวัลลภ เพลงยามเย็น เพลงใกล้รุ่ง ทั้งนี้ กอร.พระราชพิธีฯ เปิดเผยว่า การเพิ่มเพลงขึ้นมาไม่ได้กระทบกับจังหวะการเดินแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีเสียงกลองมโหระทึกกำกับอยู่เพื่อให้ท่วงท่าการเดินสง่างามสมพระเกียรติ
โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินหลังพระบรมโกศทองใหญ่ และ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจาฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นผู้อัญเชิญเครื่องทองน้อย พร้อมด้วยข้าราชบริพารในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู้หัว เป็นผู้อัญเชิญเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชกกุธภัณฑ์และเครื่องราชูปโภค
โดยริ้วขบวนเคลื่อนไปตามถนนมหาราช เลี้ยวเข้าสู่ถนนท้ายวัง มุ่งไปยังถนนสนามไชย โดยริ้วขบวนที่1หลักๆ จะประกอบด้วย เสลี่ยงพระนำทหารกองเกียรติยศ เครื่องราชอิสริยยศ ทหารม้านำ 2 ม้า ทหารม้าตาม 4 ม้า ข้าราชบริพาร และในเวลา 08.53 น.ริ้วขบวนที่ 1 ได้มารวมกับริ้วขบวนที่ 2 ซึ่งตั้งรออยู่บริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
ต่อมาเวลา 09.14 เจ้าพนักงานเชิญพระโกศทองใหญ่เทียบเกรินบันไดนาค เพื่อขึ้นประดิษฐานบนบุษบกพระมหาพิชัยราชรถ หมายเลข 9780 เป็นราชรถทรงบุษบกทำด้วยไม้แกะสลักทั้งองค์ลงรักปิดทองประดับกระจกมีเกรินลดหลั่นกัน 5 ชั้น ที่จอดอยู่บริเวณโรงเรียนกรมการรักษาดินแดน เพื่อเคลื่อนริ้วขบวนแห่พระโกศทองใหญ่
จากนั้นเวลา 09.36 น.ริ้วขบวนพระมหาพิชัยราชรถ และราชรถพระนำ เริ่มเคลื่อน โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินหลังพระมหาพิชัยราชรถ และร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เป็นผู้อัญเชิญเครื่องทองน้อย และข้าราชบริพารในพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้อัญเชิญเครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชกกุธภัณฑ์และเครื่องราชูปโภค และสมาชิกราชสกุลประกอบด้วยหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ และหม่อมหลวงตามลำดับโดยในริ้วขบวนนี้มี หม่อมเจ้าเพียง 2 พระองค์เท่านั้นคือ พล.ท.ม.จ.เฉลิมศึก ยุคล ร.อ.ม.จ.นวพรรษ์ ยุคล นอกนั้นเป็นหม่อมราชวงศ์ หม่อมหลวง ตามลำดับ ตามหลังพระมหาพิชัยราชรถ ด้วยเช่นกัน
โดยมี พล.ต.อเนก กล่อมจิตร เป็นผู้กำกับพระมหาพิชัยราชรถ และ พ.อ.พสิษฐ์ ภูวัตณัฐสิทธิ เป็นผู้ควบคุมฉุดชากราชรถ และพ.ท.สวรจน์ สุภเวชย์ เป็นผู้ควบคุมฉุดชักหลัง ซึ่งริ้วขบวนนี้จะมีความงดงามมากที่สุดเนื่องจากใช้ผู้ร่วมขบวนมากกว่า 4,000 คน และจะใช้จังหวะการเดินแบบเดินเปลี่ยนเท้า ประกอบ เพลงพญาโศกลอยลม โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีนำหน้าพระมหาพิชัยราชรถ
ทั้งนี้ริ้วขบวนจะเคลื่อนไปบนถนนสนามไชย เข้าสู่ถนนราชดำเนินใน ผ่านหน้ากระทรวงกลาโหม ศาลหลักเมือง และศาลฏีกา เข้าสู่ท้องสนามหลวง โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
ต่อมาเวลา 11.32 น. ริ้วขบวนที่ 2 เข้าสู่ถนนท้องสนามหลวงฝั่งหน้าศาลฏีกาเหล่าขบวนทหารขบวนพระราชอิสริยยศ เชิญพระโกศทองใหญ่ลงจากพระมหาพิชัยราชรถ โดยเกรินบันไดนาคประดิษฐานพระบรมโกศทองใหญ่บนราชรถปืนใหญ่ที่ได้จัดสร้างขึ้นใหม่ เพื่อตั้งริ้วขบวนที่ 3 โดยมี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับรออยู่ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อทรงเวียนอุตาวัฎ (เวียนซ้าย 3 รอบ) กับพระราชวงศ์ที่ตั้งแถวรอภายในราชวัติพระเมรุมาศ โดยมีระยะทาง 260 เมตรต่อรอบ
จากนั้นจึงเทียบราชรถปืนใหญ่ที่เกรินบันไดนาคพระเมรุมาศ เชิญพระโกศทองใหญ่ขึ้นประดิษฐาน ณ พระจิตกาธาน ประกอบพระโกศจันทน์ บนพระเมรุมาศเป็นอันเสร็จพิธีอัญเชิญพระบรมศพออกสู่พระเมรุมาศ
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่าระหว่างที่พระมหาพิชัยราชรถเคลื่อน ทหารบก เรือ อากาศ ยิงสลุตถวายพระเกียรตินาทีละ 1 นัด ซึ่งประชาชนที่มารอชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ทันทีพระมหาพิชัยราชรถผ่านพสกนิกรทุกคนต่างอยู่ในอาการสงบนิ่งพนมมือก้มกราบลงที่พื้น บางคนมีเสียงสะอื้นร่ำไห้น้ำตาคลอเบ้าด้วยความอาลัยรักอย่างหาที่สุดมิได้