เปิดคำวินิจฉัยส่วนตัว “ปริญญา ดีผดุง” ผู้พิพากษาคดี 7 ตุลาฯเสียงข้างน้อย เพียงหนึ่งเดียวที่ตัดสินให้จำเลยทั้ง 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุกคนละ 3 ปี
ภายหลังเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มี นายธนสิทธิ์ นิลกำแหง เจ้าของสำนวนคดีสลายม็อบพันธมิตรฯ ปี 2551 และองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน โดยองค์คณะมีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 พิพากษายกฟ้อง นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี อายุ 70 ปี น้องเขย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือ บิ๊กจิ๋ว อดีตรองนายกรัฐมนตรี อายุ 85 ปี, พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อายุ 68 ปี น้องชายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.), พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) อายุ 66 ปี จำเลยที่ 1 - 4 ตามลำดับ
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.โจทก์ กล่าวหาว่าเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 รัฐบาลนายสมชายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมจากกลุ่มพันธมิตรที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภา ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักสากล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ผู้บาดเจ็บ 471 ราย
ล่าสุด วันนี้ (24 ส.ค.) ศาลฎีกาฯ ได้ลงคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.2/2558 ฉบับเต็มความยาว 40 หน้า พร้อมคำวินิจฉัยส่วนตนขององค์คณะของแต่ละท่าน (่อ่านข่าวประกอบ : ศาลฎีกาฯ เปิดคำพิพากษาและคำวินิจฉัยส่วนตน คดีสลายชุมนุมพันธมิตร 7 ตุลาฯ)
สำหรับ นายปริญญา ดีผดุง ผู้พิพากษาเสียงข้างน้อย ระบุว่า จำเลยที่ 1 - 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จำคุกคนละ 3 ปี บางส่วนของคำวินิจฉัยมีดังนี้
อ่านคำวินิจฉัยส่วนตนของ นายปริญญา ดีผดุง ฉบับเต็ม