บรรยากาศประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (8 ส.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 279 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่องด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
สองพี่น้อง นางสาวณัฐธลักษณ์ และ นางสาวสิริกาญจน์ ประเสริฐสุข พาน้าสาว นางกรองจิต สุคันธวิภัติ อายุ 62 ปี เดินทางจากจังหวัดลพบุรี มากราบพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ เป็นครั้งแรก โดย นางสาวสิริกาญจน์ วัย 45 ปี พนักงานบริษัทนำเข้านมผงสำหรับเลี้ยงสัตว์ เผยว่า เธอเพิ่งมาครั้งแรก แค่นั่งรถมาก็น้ำตาไหลแล้ว แต่พอได้เข้ากราบรู้สึกตื้นตันใจ ขณะเดียวกัน ก็ดีใจที่มีโอกาสได้มาสักครั้งในชีวิต เพราะในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงทำความดีไว้อย่างมากมาย ทั้งยังทรงเป็นตัวอย่างในเรื่องความพอเพียง รวมถึงทรงมีพระเมตตาไม่เพียงต่อประชาชนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัตว์น้อยใหญ่อีกด้วย ซึ่งตัวเองได้น้อมนำมาใช้ในชีวิตเช่นกัน ขณะเดียวกัน ในส่วนของการทำงานพระองค์ก็ทรงเป็นต้นแบบเรื่องความมุ่งมั่นและความอดทน พระองค์คือพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักมากเพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศมีความเป็นอยู่ดีมีสุข ขณะที่เราเองทำงานแค่นี้ทำไมจะทนไม่ได้ พอคิดถึงพระองค์ทำให้มีกำลังใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ นางสาวณัฐธลักษณ์ วัย 46 ปี อาชีพค้าขาย เล่าว่า เธอมากราบพระบรมศพสองครั้งแล้ว โดยครั้งแรกมาวันส่งเสด็จซึ่งเข้ามาได้แค่ถนนสนามไชย ถึงจะไม่ได้เห็นก็ตั้งใจมา ส่วนครั้งนี้ได้เข้ากราบบนพระที่นั่งดุสติมหาปราสาท ปลื้มใจมาก โดยบอกกับตัวเองว่าจะตั้งใจปฏิบัติตัวตามคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในเรื่องความมีสติ รอบคอบ คิดดีทำดี และช่วยเหลือสังคมเท่าที่ตัวเองมีกำลัง มีความสามารถ นอกจากความพอเพียง
ส่วน นางกรองจิต สุคันธวิภัติ กล่าวว่า ภูมิใจที่เกิดในแผ่นดินรัชกาลที่ ๙ การได้มากราบพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ในวันนี้ตื้นตันใจมาก ถึงฝนจะตกและต้องเดินทางมาตั้งแต่เช้าก็ไม่รู้สึกเหนื่อย ถ้ามีโอกาสอีกก็อยากจะกลับมากราบอีกหลายๆ ครั้ง เพื่อมาตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงดูแลประชาชนมายาวนาน ซึ่งตัวเองรักพระองค์ท่าน ที่ทรงมีเหตุมีผล ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตาม และเธอเองก็ถือปฏิบัติตามในข้อนี้เช่นกันเพราะความรักและความคิดถึงที่มีในหลวง รัชกาลที่ ๙ คือแรงผลักดันให้ นางประภา แสงโพธิ์ ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่มาทำงานที่กรุงเทพมหานคร ย่านบางนา เพียงมากราบพระบรมศพหลายสิบครั้ง แม้จะต้องรอนานหลายสิบชั่วโมง หรือต้องตากแดดตากฝน รวมถึงความเจ็บป่วยของตัวเอง แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่อุปสรรค
“คิดถึงพ่อหลวง คิดถึงความดีและพระเมตตาของพระองค์ที่มีต่อประชาชนคนไทย ส่วนตัวคิดว่าเราเป็นคนไทยยังไงก็ต้องมากราบพระองค์สักครั้ง ถึงแม้ว่าตอนที่ยังทรงมีพระชนม์ชีพจะไม่มีโอกาสได้เฝ้าฯ รับเสด็จฯ แต่เมื่อเสด็จสวรรคตแล้ว จึงตั้งใจว่าต้องมา ช่วงแรกเพิ่งผ่าเข่าทำให้ไม่สามารถเดินและยืนได้นานๆ ต้องอาศัยรถเข็นประมาณ 5 - 6 ครั้ง หลังจากร่างกายแข็งแรงดีก็เดินเข้ามาเอง คิดว่าเพราะบุญบารมีจากพ่อหลวงแท้ๆ มาแล้วมาอีกอยากมาบ่อยๆ คิดว่าอีกไม่กี่วันพระองค์ก็จะไม่อยู่แล้ว พอดีพี่ชายมาจากจังหวัดเลย ส่วนหลานสาวมาจากจังหวัดกระบี่ เลยถือโอกาสพาทั้งสองคนมากราบพระบรมศพด้วย สำหรับตัวเองวันนี้นับได้ 62 ครั้ง และเพราะมาบ่อยๆ ทำให้รู้จักเส้นทางอย่างดี จึงมีโอกาสได้ช่วยแนะนำคนที่เพิ่งมาครั้งแรก เป็นการช่วยเหลือสังคมเล็กๆ น้อยๆ ไปในตัว พอทำแล้วตัวเองก็พลอยมีความสุขไปด้วย เหมือนอย่างที่พ่อหลวงทรงสอนให้คนไทยรักกัน” นางประภา แสงโพธิ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงภูมิใจ