พบกระทู้เว็บไซต์ ThaiClinic อ้างเป็นหมอลืมกระเป๋าขนเงินล้าน ลืมไว้บนรถเมล์ ปอ.511 ด่ากราดทั้งสื่อ ทั้ง ขสมก. บอก จนท. ถือวิสาสะค้นกระเป๋า อ้างสนามบินยังไม่ทำแบบนี้ แถมกระเป๋ารถเมล์อยากได้ขนมเอามาให้ลูก แถมไปโรงพักถ่ายรูปอวดผลงาน ด้านป้ากระเป๋ารถเมล์หมดคำพูด เรื่องขนม 2 ห่อ แค่พูดเล่นกับนายท่า ไม่นึกว่าเป็นประเด็น เสียใจที่หมอพูดแบบนี้
จากกรณีที่ นางสุมน มหิดุลย์ พนักงานเก็บค่าโดยสาร และ นายปุณณวิช ฉลองเนตรสดใส พนักงานขับรถประจำทาง ขสมก. สาย 511 ปากน้ำ - สายใต้ใหม่ เก็บกระเป๋าเป้สีดำ ภายในมีเงินสด 1,120,000 บาท ซึ่งมีผู้โดยสารเป็นชายรายหนึ่ง ขึ้นจากสี่แยกบางนา ไปลงหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีจัมโบ้ สาขาสำโรง สามแยกปู่เจ้าสมิงพราย แล้วลืมไว้บนพื้นข้างเบาะที่นั่ง กระทั่งมาพบระหว่างทำความสะอาดรถ ภายในอู่หน้าฟาร์มจระเข้และสวนสัตว์สมุทรปราการ กระทั่งมีชายวัย 33 ปี แพทย์สูตินรีเวช เดินทางมาเข้าพบผู้จัดการฝ่าย ขสมก. พร้อมนำหลักฐานสมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารที่มีการทำรายการถอนเงินจำนวน 1,120,000 บาท มาแสดงตัวเพื่อขอรับกระเป๋าคืน ผู้จัดการฝ่ายจึงได้แนะนำให้ นางสุมน และชายเจ้าของกระเป๋าเดินทางเข้าลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ พร้อมทำการส่งมอบคืน เมื่อวันที่ 23 ก.ค. เหตุการณ์ดังกล่าวนางสุมนได้ขนมมา 2 ห่อ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ในโลกโซเชียลถึงการทำความดี และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.กัลย์สรรค์ จันทรเสน เป็นผู้แทนพระองค์ นำกระเช้าดอกไม้ พร้อมด้วยเสื้อพระราชทาน (ธ สถิต ในดวงใจไทยนิรันดร์) มามอบให้กับ นางสุมน และ นายปุณณวิช รวมทั้งพนักงาน ขสมก. เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเรื่องดังกล่าวจะกลายเป็นดรามาบนโลกโซเชียลอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เฉกเช่นเพจสายดาร์คที่ชื่อว่า “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้เผยแพร่ข้อความที่อ้างว่าเป็นแพทย์สูตินรีเวช ตั้งกระทู้จากเว็บไซต์ ThaiClinic ระบุว่า เนื้อหาในข่าวบิดเบือนจากความจริง เพราะตนไปค้นสัญญาณระบุว่ามีคนเปิดไอแพดในกระเป๋า ตำแหน่งอยู่ที่อู่รถประจำทาง พอไปถึงพบว่ากระเป๋าอยู่ที่อู่รถ มีเจ้าหน้าที่ปล่อยคิวรถกำลังรื้อค้นกระเป๋า รวมถึงแกะซองเงินภายในออกมาดูด้วย จึงแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของและขอกระเป๋าคืน เจ้าหน้าที่อู่แจ้งว่าพนักงานเก็บค่าโดยสารเป็นคนเอามาฝากไว้ โดยที่ไม่ทราบว่าข้างในเป็นอะไร บอกว่า หนักๆ มีคนลืมไว้ เป็นไปตามระบบที่จะต้องเอาของไปฝากไว้ที่อู่ ตอนแรกแกะออกมาเจอขนม พนักงานเก็บเงินยังบอกว่าวันนี้มีขนมให้ลูกที่บ้านกินแล้ว แล้วก็เดินออกไปจากบริเวณนั้น และตนไม่พอใจมากที่มีคนรื้อกระเป๋าของตน
เจ้าของกระทู้อ้างว่า ตนเป็นคนไปเอาคืนด้วยตัวเองที่อู่ ไม่ได้มีคนเอากระเป๋ามาคืน หรือนำไปส่งสถานีตำรวจเพื่อตามหาเจ้าของ ความเป็นจริงอู่ไม่มีสิทธิในการรื้อค้นกระเป๋า เพราะแจ้งอยู่แล้วว่ากำลังจะไปเอา ถ้าเพื่อความปลอดภัยที่อ้างควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจค้น ไม่ใช่รื้อค้นด้วยตัวเอง แต่เงินที่ได้ยังอยู่ครบเลยไม่ได้ติดใจอะไร ขนม 2 ถุง คือ ให้เป็นสินน้ำใจในขั้นตอนนี้ ที่ได้ยินว่าพนักงานบอกว่าคืนนี้ลูกพี่มีขนมกินแล้ว และมันเป็นคนละเรื่องกับการเก็บของมีค่าได้แล้วนำส่งเจ้าของเองหรือนำส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งควรได้รับสินน้ำใจตอบแทน และยังอ้างขั้นตอนกรณีลืมกระเป๋าไว้ที่สนามบิน จะต้องเก็บทรัพย์สินไว้ในแผนก Lost & Found ซึ่งเจ้าหน้าที่จะไม่เปิดกระเป๋าให้ดู เพื่อให้สินน้ำใจที่เหมาะสมกับมูลค่าของในกระเป๋า และไม่มีสิทธิเปิดดูของในกระเป๋า ถ้าเหตุผลเพื่อความปลอดภัย ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบหรือควรเปิดค้นดูด้วยตนเอง
“ผมเอาสำเนาประชาชนยื่นให้เพื่อรับของคืน พร้อมลงบันทึกว่าของในกระเป๋ามีอะไรบ้าง ซึ่งต้องระบุจำนวนเงิน พนักงาน ขสมก. จึงรู้จำนวนเงินจากตอนนี้ เห็นว่าเป็นเงินจำนวนมาก เลยอยากให้ถ่ายภาพและสัมภาษณ์เป็นเหตุการณ์ไว้เป็นการโปรโมตองค์กร ผมไม่ค่อยสะดวก เพราะตอนนี้เริ่มมีคนรู้ว่าเงินอยู่กับตัวเยอะ แต่เห็นว่าไหนๆ ก็ได้ของคืนครบ จึงไม่ได้ขัดข้องแต่ขอว่าไม่ประสงค์ให้รูปภาพหรือข้อมูลส่วนตัวปรากฏในข่าวหรือสื่อที่จะใช้โปรโมต ยังไม่พอ เจ้าหน้าที่ ขสมก. ขอร้องให้ช่วยเดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจไว้ด้วย ผมแจ้งว่าไม่สะดวก แต่เจ้าหน้าที่ขอร้องให้ไปให้ได้ ก็เลยยอมไป ที่สถานีตำรวจ ตำรวจเห็นเงินเยอะเลยสอบถามว่าเป็นใคร อาชีพอะไร ทำไมขนเงินเยอะ กำลังเอาเงินไปทำอะไร เลยต้องบอกข้อมูลส่วนตัวไป มีคนถ่ายรูปที่สถานีตำรวจ จึงได้แจ้งว่าไม่ประสงค์จะให้มีรูปหรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ปรากฏในข่าวต่อหน้าตำรวจอีกครั้ง บันทึกประจำวันก็ระบุชัดว่าพนักงานเก็บเงินเอากระเป๋าไปที่อู่ โดยไม่รู้ว่าข้างในมีอะไร และเราเป็นคนไปเอาของคืนที่อู่ด้วยตนเอง พอออกจากสถานีตำรวจก็แยกย้ายกันไป”
เจ้าของกระทู้ยังกล่าวตำหนิสื่อมวลชน ที่นำเสนอข่าวทั้งพาดหัว รูปภาพ และข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ซึ่งตนติดต่อสำนักข่าวติดต่อสื่อออนไลน์สำนักหนึ่ง ขอร้องให้ช่วยลบข้อมูลระบุตัวตนส่วนตัวออก อีกฝ่ายบอกว่า ลบไม่ได้ ขอไปขอมาว่าข้อมูลที่ลงทำให้ตนลำบาก และแจ้งก่อนแล้วว่าไม่ยินยอมให้เปิดเผย อีกฝ่ายบอกว่า งั้นขอข้อมูลเพิ่มไปลงพาดหัวข่าวใหม่ต่อแล้วจะแก้ให้ ตนไม่ตกลง เลยต่อรองว่า ขอลงเป็นข้อความที่ตนกำหนดสั้นๆ แต่พาดเรื่องต้องเป็นเรื่องความดีของเจ้าหน้าที่ ทางโน้นบอกตกลง สุดท้ายคือเอาข้อความที่ตนส่งให้ไปแต่งเพิ่มเติมเอง แล้วลงพาดหัวเฉพาะเรื่องตน และไม่แก้ข้อความเดิมตามที่ตกลง โทรไปอีกทีบอกลงข่าวให้เป็นตามความต้องการของผมแล้ว จะเอาไรอีก ไม่ได้สัญญาว่าจะแก้ข้อความเก่าให้
อย่างไรก็ตาม พบว่าภายหลังจากกระทู้ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีคนแชร์ข้อความ เอาไปตั้งกระทู้ใหม่จำนวนมาก
ด้าน นางสุมน ให้สัมภาษณ์กับเดลินิวส์ออนไลน์ ระบุว่า เรื่องขนม 2 ห่อ ตนอยากชี้แจง เพราะเป็นการพูดเล่นกับนายท่า แต่ตอนที่หมอยังไม่มาเอากระเป๋าเงิน นายท่าคงไปบอกหมอ หมอจึงยื่นขนม 2 ห่อให้ บอกเอาไปให้ลูก ตอนนั้นตนก็งงว่าหมอรู้ได้ไง เพราะไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดๆ จากหมอ ส่วนเรื่องที่หมอออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่พอใจที่มีคนไปรื้อค้นกระเป๋า อยากถามว่า ถ้าไม่เปิดกระเป๋าดูจะรู้ได้ไงว่าเป็นของใคร แล้วตนก็เห็นว่ามีคนลืมกระเป๋าตอนรถวิ่งเข้าอู่แล้ว ตอนนั้นยังไม่ได้เปิดดู ไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไรบ้าง จึงเก็บเอาไปให้นายท่าตรวจสอบ เพื่อหารายละเอียดตามหาตัวเจ้าของมารับคืน ซึ่งตนทำทุกอย่างไปตามหน้าที่ และตอนแรกหมอก็พูดกับตนดี
“คำแรกที่หมอพูดคือขอบคุณ ตกใจมากที่ทำเงินหาย และรู้สึกขนลุก ก่อนยื่นขนมให้แล้วบอกว่าจะเอาไปให้ลูกกินไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นก็งงๆ ว่าหมอรู้ได้ไง เพราะไม่เคยไปเรียกร้องอะไร เป็นคำพูดที่พูดเล่นๆ กับนายท่าโดยไม่คิดอะไร ทั้งหมดที่ทำไปก็ทำไปตามหน้าที่” นางสุมน กล่าวกับเดลินิวส์ออนไลน์ และ เมื่่อถามถึงความรู้สึกหลังกระทู้ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป นางสุมน กล่าวว่า ไม่มีอะไรจะพูดกับหมออีก เสียใจมาก แต่คิดว่า ความจริงก็คือความจริง เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ
อ่านประกอบ : “กระเป๋า” ลั่นถึงให้เงินก็ไม่เอา ยันขนม 2 ห่อไม่ได้ขอหมอ จากเว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์