พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อเนื่องเป็นวันที่ 212 ทุกคนต่างน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ น้อมนำหลักคำสอนมาปรับใช้ในชีวิต
วันนี้ (2 มิ.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 212 ตลอดทั้งวันยังคงมีพสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ อย่างไม่ขาดสาย ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น
ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลพระบรมศพ ว่า ที่ผ่านมา วันนี้ และอนาคต การดำเนินงานมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ยังคงน้อมนำศาสตร์พระราชามาใช้ โดยยึดหลัก 3 เรื่อง ได้แก่ “หลักลงดิน” ผ่านการเรียนรู้ทำงานกับชาวบ้านควบคู่กับหลักการทรงงานของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทั้ง 23 ข้อ อาทิ การศึกษาข้อมูลอย่างเป็นระบบ การคืนข้อมูล การมีส่วนร่วม ฯลฯ นอกจากนี้ ยังใช้ “หลักเข้าใจเข้าถึงพัฒนา” เพราะก่อนที่จะทำงานใดๆ ต้องเข้าใจเสียก่อน เรากับชาวบ้านต้องเข้าถึงกัน สุดท้าย “หลักองค์ความรู้หกมิติ” ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมาก การพัฒนาต้องบูรณาการแบบองค์รวม โดยสรุปคือนำศาสตร์พระราชามาใช้ในการปรับแก้ แล้วนำลงไปทำงานในพื้นที่ชุมชน เราศึกษาข้อมูลจากชุมชน ทุกแห่งที่มูลนิธิฯ เข้าไปไม่ได้ นำอะไรไปบอกชาวบ้าน แต่เป็นการศึกษาปัญหาและความต้องการว่าคืออะไร แล้วนำไปพัฒนาให้ตรงกับความต้องการในพื้นที่นั้นๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้าน นางสุชาฎา จารุตกานนท์ อายุ 35 ปี พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้าแผนกผู้ป่วยสูตินารีเวช โรงพยาบาลเอกชล 2 อ.เมือง จ.ชลบุรี กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาพร้อมกับทีมสหวิชาชีพ รวม 9 คน สำหรับตนนั้นเพิ่งจะได้มีโอกาสเดินทางมาเป็นครั้งแรกเพราะต้องใช้เวลา กว่าจะรวมตัวกันได้ แต่มีบางคนเดินทางมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาทางโรงพยาบาลเอกชล ได้จัดแพทย์ พยาบาล หมุนเวียนมาดูแลสุขภาพประชาชนที่เต็นท์พักคอยบริเวณท้องสนามหลวงด้วย
“คำสอนของพระองค์ท่านที่น้อมนำมาใช้ก็คือความพอเพียง มาปรับใช้ในชีวิตครอบครัวและการทำงาน ซึ่งหนูก็ตั้งใจทำงานตามวิชาชีพในการช่วยเหลือคนไข้ บางครั้งคิดว่างานหนักจึงเกิดความท้อบ้าง แต่พอคิดถึงพระองค์ที่ทรงงานเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนจริงๆ คิดถึงพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทำอย่างมากมาย จึงทำให้เรามีกำลังใจและมีแรงสู้ นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นต้นแบบในเรื่องการดูแลครอบครัว ขนาดพระองค์ทรงงานหนักแต่ก็ยังดูแลครอบครัว หนูจึงสอนลูกชายวัย 3 ขวบ ซึ่งเขาก็รู้จักในหลวง รัชกาลที่ ๙ จึงให้ลูกทำตามคำสอนของพระองค์ด้วยการให้ลูกใช้ของอย่างประหยัดและเป็นเด็กดี ส่วนหลักการทำงานก็ให้ความจริงใจกับลูกน้อง และมีความยุติธรรมไม่ลำเอียง รวมถึงมีความซื่อสัตย์สุจริต” นางสุชาฎา กล่าว