บรรยากาศประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (6 ก.ค.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ที่ดำเนินมาเป็นวันที่ 246 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
ด้าน น.ส.อัจจริยาภรณ์ อ้นอาจ อายุ 56 ปี ที่ไปปักหลักทำธุรกิจเนิร์สเซอรีอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกานานกว่า 30 ปี เผยความรู้สึกถึงการได้กลับมาบ้านเกิดเมืองนอนครั้งนี้ว่า เกิดจากความตั้งใจพาลูกๆ หลานๆ มากราบพระบรมศพโดยเฉพาะ
“ถึงจะไปใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนนานขนาดนั้น แต่เราติดตามข่าวพระราชสำนักผ่านทางทีวี ยูทูป หรือช่องทางอื่นๆ ทุกวัน การกลับมาถวายสักการะครั้งนี้ยอมรับว่าในหัวใจมีความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตื้นตันใจ ดีใจที่ได้มากราบพระองค์ท่าน แต่ก็เสียใจว่าไม่น่าใช่วันที่เราต้องมาแบบนี้ แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไปตามที่ทรงสอน และถึงว่าพระองค์ท่านเสด็จสวรรคตแล้ว ตัวเองกลับไม่เคยคิดว่าพระองค์ท่านจากไปไหน พระองค์ท่านยังอยู่ในใจเราตลอด พระองค์ท่านอยู่รอบตัวเรา ซึ่งสัมผัสได้จากสิ่งต่างๆ ที่ทรงทำไว้ รวมถึงคำสอนต่างๆ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงเป็นต้นแบบในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคำสอนที่จับต้องได้มากที่สุด ไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าอยู่ที่ไหนในโลกสามารถใช้หลักนี้ในการดำเนินชีวิตได้ ขอแค่รู้จักกำหนดการใช้เงินหาได้เท่าไหร่ ใช้เท่าไหร่ เก็บเท่าไหร่ ได้เงินเยอะไม่สำคัญเท่ากับเหลือเงินเท่าไหร่ เช่นที่ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสอนไว้ว่า กินแต่พอเพียง ใช้แต่พอเพียง มีกินมีใช้เหลือเก็บไว้วันข้างหน้า คำว่าพอเพียงไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องเงิน แต่ยังรวมถึงทุกอย่าง การทำงาน การดำเนินชีวิต ไม่โลภ เมื่อพอเพียงทุกอย่างก็จะพอดี” น.ส.อัจจริยาภรณ์กล่าว
ด้าน Miss Reena Gurung ครูโรงเรียนมัธยมศึกษาในเมืองพุนโซลิง ราชอณาจักรภูฏาน ที่เดินทางมาพร้อมกับเพื่อนครู รวม 6 คน กล่าวว่า ตนและเพื่อนครูเดินทางมาประเทศไทยในโครงการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาที่โรงเรียนกาญจนานุเคาะห์ จังหวัดกาญจบุรี วันนี้ได้มีโอกาสเดินทางมาถวายความเคารพพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รู้สึกว่าตนเองและเพื่อนๆ โชคดีมาก เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้มีโอกาสมาในวันนี้ ช่วงที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต ชาวภูฏานรู้สึกเศร้าเสียใจ มีการลดธงครึ่งเสาและจุดเทียนถวายความอาลัย พร้อมร่วมกันสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลด้วย
“กว่าจะได้เดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ก็ยากแล้ว เพราะต้องผ่านการคัดเลือก เมื่อเดินทางมาประเทศไทยแล้วได้มีโอกาสเข้ากราบพระบรมศพในหลวง รัชกาลที่ ๙ ด้วย ถือว่าโชคดีมากๆ พระองค์ท่านมีจิตรใจดีและรักประชาชนมากๆ ช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย ก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับในหลวง รัชกาลที่ ๙ ของไทย จึงรู้ว่าพระองค์ท่านเป็นห่วงประชาชนชาวไทยอย่างมาก ซึ่งพระมหากษัตริย์ของไทยและของภูฏานมีอะไรที่เหมือนกันมาก คือ พระมหากษัตริย์รักและห่วงใยประชาชน ส่วนประชาชนชาวไทยและชาวภูฏานก็รักพระมหากษัตริย์มากเช่นกัน” Miss Reena Gurung กล่าว