ประชาชนจากทั่วสารทิศเดินทางมาร่วมกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (26 มิ.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 236 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นางพรรณี รัตนะ วัย 63 ปี อดีตครูสอนภาษาไทย โรงเรียนบ้านออนกลาง อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวมาพร้อมสามี นายอำนวย รัตนะ ตั้งใจมากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันคล้ายวันเกิดของตัวเอง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ กล่าวว่า หลังจากในหลวงรัชกาลที่ ๙ สวรรคต เพิ่งมีโอกาสเดินทางมาที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป็นครั้งแรก รู้สึกปลาบปลื้มตื้นตันใจมาก นับตั้งแต่วันมหาวิปโยคของคนไทย ได้อาศัยว่าเป็นช่างฝีมือเย็บริบบิ้น จำนวน 50 ชิ้น แจกจ่ายชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยว ย่านถนนคนเดิน เพื่อจะได้ติดหน้าอกเป็นการไว้ทุกข์ และเมื่อเร็วๆ นี้ เพิ่งเข้าร่วมอบรมเป็นจิตอาสาประดิษฐ์ดอกไม้จันทน์ ได้แก่ ดอกดารารัตน์ และดอกกุหลาบ จำนวน 250 ดอก เพื่อใช้ในการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพราะมีความตั้งใจอยากทำอะไรเพื่อพระองค์บ้าง “เมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ ๙ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มาเยี่ยมโรงเรียนบ้านแอนกลาง ได้มีโอกาสเป็นคนทูลเกล้าฯ ถวายพานดอกไม้ ถือว่าเป็นการเฝ้าฯ รับเสด็จฯ อย่างใกล้ชิดมาก เมื่อเสด็จฯ กลับ ทั่วทั้งดอยปกคลุมไปด้วยความมืดมิด พระองค์ประทับบนเฮลิคอปเตอร์ เพื่อเสด็จฯ ไปประทับแรมยังอีกดอย ซึ่งมีเพียงแสงไฟจากเฮลิคอปเตอร์ส่องให้เห็นพระพักตร์ เห็นว่า พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ให้ประชาชน เหตุการณ์ครั้งนั้นแม้ผ่านมา 30 ปีแล้ว ยังจดจำมิรู้ลืม ถ้าพูดถึงในหลวงในดวงใจแล้ว รู้สึกรักพระองค์มากโดยไม่สามารถบรรยายมาเป็นคำพูดได้ คนไทยช่างโชคดีที่มีพระองค์ ปัญหาไม่ว่าจะบนฟ้าหรือในน้ำ ทรงแก้ไขบรรเทาทุกข์ให้คนไทยมีความอยู่ดีกินดี รู้สึกภูมิใจมากที่ได้เกิดในแผ่นดินรัชกาลที่ ๙” ครูวัยเกษียณกล่าวด้วยน้ำตา
ด้าน นางไพลิน โตอิ้ม อายุ 60 ปี นายกเทศมนตรีตำบลท่าน้ำอ้อยม่วงหัก อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ กล่าวภายหลังร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพ ว่า รู้สึกเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ทางเทศบาลได้ร่วมเป็นเจ้าภาพ ซึ่งทุกคนก็ปลาบปลื้มใจที่ได้มา แต่อีกด้านก็รู้สึกเสียใจที่พระองค์ไม่อยู่กับพวกเราแล้ว พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทำเพื่อประชาชนมาตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ ตนก็อธิษฐานขอให้พระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย “ดิฉันได้ตั้งจิตปณิธานว่าจะเดินรอยตามพระยุคลบาท โดยจะเป็นคนดี และทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรี ก็จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เสียสละความสุขส่วนตัว เพื่อดูแลประชาชน อย่างที่พระองค์ได้เสียสละเพื่อพสกนิกร” นางไพลิน กล่าว
