พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อเนื่องเป็นวันที่ 226 ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (16 มิ.ย) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 226 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นางพรสุรีย์ ตันกิติยานนทร์ อายุ 67 ปี หมู่บ้านพิบูลย์ปาร์ค จ.นนทบุรี กล่าวภายหลังเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ ว่า เดินทางมาพร้อมกับ นางลำพอง พุ่มสุวรรณ อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันจึงได้ชักชวนกันมาในวันนี้ สำหรับตนเดินทางมากราบเป็นครั้งที่ 65 และตั้งใจไว้ว่าจะเข้ากราบให้ครบ 67 ครั้ง ในวันที่ 20 มิ.ย. นี้ เนื่องจากตรงกับวันเกิดพอดี เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และตั้งใจไว้ด้วยว่าจะเดินทางมากราบให้ครบ 89 ครั้ง เท่าพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนวันถวายพระเพลิงพระบรมศพ “ป้าก็ยึดถือคำสอนของพระองค์เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตและสอนลูกๆ ให้มีความพอเพียงและเป็นคนดี ซึ่งลูกป้า 4 คนก็ทำงานเป็นแพทย์ พยาบาล วิศวะ ที่ผ่านมา ป้าก็ไปร่วมเป็นจิตอาสา บรรจุข้าวพอเพียงที่ทำเนียบฯ ตอนนี้ก็ไปร่วมทำบุหงาสราญรมย์ นำไปแจกทหารและหน่วยงานที่ขอมา และกำลังทำไว้แจกวันงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระองค์ท่าน โดยดอกไม้ก็นำมาจากที่ต่างๆ มาตากแห้งและอบ รวบรวมเงินกันซื้อน้ำอบน้ำปรุง และถุงตาข่ายเพื่อบรรจุ ในช่วง 2 อาทิตย์แรกที่พระองค์เสด็จสวรรคต ป้าทานข้าวไม่ได้เลย นั่งจมอยู่กับหน้าจอทีวี ทุกครั้งที่เห็นข่าวและเสียงเพลงเกี่ยวกับพระองค์ก็จะน้ำตาไหลพราก เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มากยิ่งกว่าสูญเสียพ่อ เพราะพระองค์ท่านทำทุกอย่างเพื่อคนไทยและประเทศชาติ” ป้าพรสุรีย์ กล่าวด้วยความอาลัย
ด้าน นายปรีชา แก้วนาง ข้าราชการบำนาญวัย 64 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านดอนเสียด อ.เซกา จ.บึงกาฬ เดินทางมาจาก จ.บึงกาฬ พร้อมสมาชิกในครอบครัวรวม 5 คน กล่าวว่า เพิ่งมีโอกาสมากราบพระบรมศพเป็นครั้งแรกแบบพร้อมหน้าครอบครัว โดยเดินทางจาก จ.บึงกาฬ มาสมทบกับลูกชายและลูกสาวที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ ขณะขึ้นไปเบื้องหน้าพระบรมโกศพระบรมศพ ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระองค์ท่านเสด็จสู่สวรรคาลัย พร้อมทั้งขอพรจากพระองค์ท่านให้ครอบครัวมีความสุข และขอให้ลูกๆ ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน “เมื่อประมาณปี 2534-2535 ผมมีโอกาสรับเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาล ๙ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงยกช่อฟ้าที่วัดหลวงปู่จวน วัดภูทอก จ.บึงกาฬ ตอนนั้นผมพานักเรียนไปเตรียมความพร้อมรับเสด็จฯด้วย เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่มีโอกาสได้ชื่นชมพระบารมีพระองค์ท่าน ตอนนั้นรู้สึกดีใจที่สุดในโลก แม้ว่าวันนั้นแดดจะร้อนมาก แต่ด้วยพระบารมีตอนที่พระองค์เสด็จฯ มาถึงแดดร่มลงไปทันที ทุกวันนี้ผมยังจำความรู้สึกวันนั้นได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้น้อมนำคำสอนของพระองค์ท่านมาสั่งสอนเด็กๆ โดยเน้นเรื่องความมีระเบียบวินัย มีคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปลูกฝังแก่เด็กๆ ถ้าประเทศไทยให้ความสำคัญกับเรื่องนี้รับรองว่าประเทศชาติเจริญแน่นอน” อดีตครูเกษียณกล่าวพร้อมยกมือท่วมหัวด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ