พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาร่วมถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อเนื่องเป็นวันที่ 228 ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
วันนี้ (18 มิ.ย.) บรรยากาศการไว้อาลัยและกราบสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 228 ตลอดทั้งวันยังคงมีประชาชนจากทั่วสารทิศทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายบุญมี ขาวดี อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดชลบุรี ประกอบอาชีพขับรถตู้รับจ้างทั่วไป ทำให้มีโอกาสเดินทางกราบพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ นับ 10 ครั้ง เล่าว่า วันเป็นวันหยุดจึงนัดแนะกับลูกๆ จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นางสาวสุวรรณา - นางสาวอติพร และ ด.ช. ภัทรชนน ขาวดี เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพสักครั้งในชีวิต เพื่อบอกกับพระองค์ว่าคนไทยรักพระองค์มาก “เราเกิดในรัชกาลที่ ๙ สุดยอดของประชาชนคนไทยก็คือพระองค์ท่าน ซึ่งอยู่ในหัวอกหัวใจของเราทุกคน จากความประทับใจที่ทรงทำสิ่งต่างๆ ไว้ให้ประชาชน ขณะเดียวกันทรงมีคำสอนดีๆ ทรงดำรงพระองค์เป็นแบบอย่างให้ทุกคนเป็นคนดี มีความเพียร รู้รักสามัคคี และดำเนินชีวิตบนความพอเพียงประหยัดกินประหยัดใช้ ซึ่งคนไทยคุ้นเคยดี นี่คือ แรงผลักดันให้ผมตั้งใจเดินทางมากราบพระบรมศพทุกครั้งเมื่อโอกาสอำนวย และทุกครั้งที่มาไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน รอนานแค่ไหน เมื่อได้เข้าไปในพระที่นั่งได้ก้มกราบหน้าพระบรมโกศ สิ่งหนึ่งที่บังเกิดในหัวใจของตัวเองนั่นคือความอิ่มเอิบ หายเหนื่อยหายล้าถึงจะต้องตื่นแต่เช้ามืดขับรถมาไกลก็ไม่ท้อเพราะอยากทดแทนในสิ่งที่พระองค์ท่านทำให้เรามาทั้งพระชนมชีพของพระองค์” นายบุญมีกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความรักต่อในหลวงรัชกาลที่ ๙ อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน ลูกสาว นางสาวอติพร ขาวดี ว่าที่บัณฑิตคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบูรพา หมาดๆ เล่าว่า ตัวเองประทับใจในพระอัจฉริยภาพทางด้านของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แต่ที่ชอบมากเป็นพิเศษ คือ ด้านดนตรี โดยชอบฟังเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่านหลายๆ เพลง นอกจากนี้ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังทรงเป็นต้นแบบในเรื่องการดำเนินชีวิตในหลายๆ ด้านอีกเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องความประหยัด ความพออยู่พอกินพอใช้ การแสวงหาความรู้ตามแขนงต่างๆ อย่างรู้ลึกรู้จริง และวันนี้เพิ่งจะมาครั้งแรกรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย แม้ว่าจะต้องรอนานแต่พอได้เข้ากราบแล้วก็รู้สึกว่าหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
อีกหนึ่งคนที่ใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ นางวิยะดา บัวสี อายุ 43 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนบ้านหนองขี้เห็น อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น เผยว่า เพราะโรงเรียนที่เธอสอนหนังสืออยู่นั้น เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก จึงไม่มีงบประมาณในการพาบุคคลากรมากราบพระบรมศพ เธอจึงเลือกใช้วันหยุดโดยขึ้นรถทัวร์ในวันเสาร์มาหาคุณป้าซึ่งทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วเดินทางมาที่พระบรมมหาราชวังตั้งแต่ช่วงเช้ามืด เพราะอยากให้ทันในช่วงเช้า เพื่อจะได้มีเวลาเหลือเข้าไปสักการะพระแก้วมรกต ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ก่อนจะเดินทางกลับขอนแก่นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน “อย่างที่ทราบกันดีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พสกนิกรคนไทยตลอดเวลาที่ทรงครองราชย์อย่างไม่เหนื่อยเหน็ด ทรงเสียสละพระองค์อย่างเต็มที่ ดังนั้น ตัวเองในฐานะครูสอนหนังสือระดับชั้นประถมศึกษา จึงน้อมนำเอาหลักการทรงงานของพระองค์ท่านเป็นต้นแบบในการปฏิบัติหน้าที่ครูด้วยความตั้งใจ แม้จะเหนื่อยบ้าง ท้อถอยบ้าง แต่พอนึกถึงพระองค์ก็ทำให้มีกำลังใจทำงานขึ้นมาอีกครั้ง นอกจากนี้แนวพระราชดำริต่างๆ ของพระองค์ยังสามารถนำมาใช้ในการเรียนการสอนเด็กได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องหลักความพอเพียง รวมถึงที่ทรงสอนให้ทุกคนรู้จักหน้าที่ของตัวเอง นับว่าเป็นคำสอนที่เรียบง่ายแต่เมื่อปฏิบัติแล้วให้ผลดีมากจริงๆ” ครูสาวเมืองหมอแคนกล่าว
